อร่อยและดีต่อสุขภาพ! เมนูอาหารเช้าผสมขิง

อร่อยและดีต่อสุขภาพ! เมนูอาหารเช้าผสม “ขิง”

 

สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้เราจะมาแนะนำเมนูอาหารเช้าสุดพิเศษ ที่ไม่เพียงแต่อร่อยถูกปาก แต่ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย นั่นก็คือ “เมนูอาหารเช้าผสมขิง” นั่นเองค่ะ

“ขิง” นอกจากจะมีรสชาติเผ็ดร้อน ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอีกด้วย

มาดูกันเลยว่าจะมีเมนูอะไรบ้างที่น่าสนใจ

ไอเดียเมนูอาหารเช้าผสม “ขิง”

  • โอ๊ตมอลล์ผสมขิงและผลไม้

เพิ่มความอร่อยและคุณค่าทางอาหารให้กับโอ๊ตมอลล์ด้วยการโรยขิงขูดเล็กน้อย และเพิ่มท็อปปิ้งด้วยผลไม้สดตามชอบ เช่น กล้วยหอม สตรอว์เบอร์รี หรือบลูเบอร์รี

  • ไข่คนใส่ขิง

เพิ่มความแปลกใหม่ให้กับไข่คนจานโปรด ด้วยการใส่ขิงขูดเล็กน้อยลงไปขณะคนไข่ จะช่วยเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนและกลิ่นหอมชวนรับประทาน

 

  • สมูทตี้ขิง

 

ผสมขิงขูดเล็กน้อยลงในสมูทตี้ผลไม้ตามชอบ เช่น กล้วย แอปเปิล หรือสับปะรด จะช่วยให้สมูทตี้มีรสชาติที่ซับซ้อนและน่าสนใจยิ่งขึ้น

  • โยเกิร์ตผสมขิงและธัญพืช

เพิ่มความอร่อยให้กับโยเกิร์ตด้วยการโรยขิงขูดและธัญพืชต่างๆ เช่น เมล็ดเจีย เมล็ดเชีย หรืออัลมอนด์

  • ชาขิง

ชงชาขิงร้อนๆ ดื่มคู่กับขนมปังปิ้งหรือไข่ต้ม เป็นเมนูอาหารเช้าที่อบอุ่นและช่วยให้ร่างกายอบอุ่น

ประโยชน์ของ “ขิง” ต่อสุขภาพ

  • ช่วยระบบย่อยอาหาร: ขิงช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
  • ลดการอักเสบ: ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ช่วยป้องกันหวัดและโรคติดเชื้ออื่นๆ
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์

 

เคล็ดลับการเลือกและใช้ขิง
  • เลือกขิงสด: ขิงสดจะมีกลิ่นหอมและรสชาติเผ็ดร้อน
  • ขิงแก่: ขิงแก่จะมีรสชาติเผ็ดร้อนมากกว่าขิงอ่อน
  • ขิงดอง: ขิงดองสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู
  • ขิงผง: สะดวกในการใช้งาน เหมาะสำหรับนำไปผสมกับอาหารหรือเครื่องดื่ม

*ขิงผง นับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของขิงที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีความสะดวกในการใช้งานและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ทั้งในด้านการปรุงอาหารและการทำเครื่องดื่ม ซึ่งแตกต่างจากขิงสดที่ต้องเสียเวลาในการเตรียมและอาจมีเศษขิงติดอยู่บ้าง ขิงผงจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบในปัจจุบัน

ทำไมขิงผงจึงเป็นที่นิยม?
  • สะดวกในการใช้งาน: ขิงผงบรรจุอยู่ในภาชนะปิดสนิท ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นานและง่ายต่อการพกพาไปใช้งานนอกบ้าน 
  • ง่ายต่อการควบคุมปริมาณ: การใช้ขิงผงทำให้สามารถควบคุมปริมาณของขิงที่ใส่ลงไปในอาหารหรือเครื่องดื่มได้อย่างแม่นยำ
  • รสชาติเข้มข้น: ขิงผงผ่านการอบแห้งและบดละเอียด ทำให้มีรสชาติที่เข้มข้นและหอมชื่นใจมากกว่าขิงสด
  • อายุการเก็บรักษานาน: ขิงผงสามารถเก็บรักษาได้นานกว่าขิงสด ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียของ

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารเช้าที่มีประโยชน์และอร่อยกับเมนูขิงกันนะคะ

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

“ขิง” ดีต่อภูมิ! ดีขิงสุดยอดสมุนไพร! 3 สูตรอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน ทานง่ายได้ทุกวัย

“ขิง” ดีต่อภูมิ! ดีต่อใจ! ห่างไกลหวัด

ขิง สมุนไพรไทยที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน นอกจากจะมีรสชาติเผ็ดร้อนที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารแล้ว ขิงยังมีสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันหวัด และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ทำให้เรารู้สึกสดชื่นและมีสุขภาพที่ดี

ทำไมขิงถึงดีต่อสุขภาพ?

  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ขิงมีสารสำคัญชื่อ จินเจอรอล ซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการเจ็บคอและบรรเทาอาการหวัดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ขิงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
  • ลดอาการอักเสบ: ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • ช่วยระบบย่อยอาหาร: ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
  • บรรเทาอาการหวัด: ช่วยลดอาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล
  • ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง: เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน
  • ลดความเครียด: กลิ่นหอมของขิงช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด

เมนูขิงง่ายๆ ที่ทำเองได้ที่บ้าน

  • น้ำขิงร้อน: ชงขิงสดกับน้ำร้อน ดื่มอุ่นๆ ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น
  • ขิงมะนาว: เพิ่มความสดชื่นด้วยน้ำมะนาวและน้ำผึ้ง
  • ขิงผัดไข่: เมนูง่ายๆ อร่อย และมีประโยชน์
  • โจ๊กขิง: โจ๊กอุ่นๆ โรยด้วยขิงซอย
  • ชาขิง: ชงชาผสมกับขิงซอยเล็กน้อย

*ขิงซอย คืออะไร? และทำไมถึงนิยมใส่ในชา?

ขิงซอย ก็คือส่วนของเหง้าขิงที่นำมาปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หรือซอยเป็นเส้นๆ ค่ะ โดยทั่วไปแล้วจะใช้ขิงแก่มาหั่นซอย เพราะให้รสชาติที่เผ็ดร้อนและหอมกว่าขิงอ่อน

ทำไมต้องใส่ขิงซอยในชา?

    • เพิ่มรสชาติ: ขิงซอยจะช่วยให้ชามีรสชาติที่เผ็ดร้อน หอมชื่นใจ และมีมิติมากขึ้น
    • สรรพคุณทางยา: ขิงมีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง เช่น ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออีกด้วย เมื่อนำมาชงกับชา จึงช่วยเพิ่มสรรพคุณให้กับชาไปด้วย
    • ให้ความอบอุ่น: ชาขิงเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เหมาะกับการดื่มในช่วงอากาศเย็น หรือเมื่อร่างกายไม่สบาย
  • ขิงดอง: เป็นเครื่องเคียงที่อร่อยและมีประโยชน์
  • สมูทตี้ขิง: ผสมขิงกับผลไม้ต่างๆ เช่น กล้วย แอปเปิล

เคล็ดลับการทานขิง

  • เลือกขิงสด: ขิงสดจะมีกลิ่นหอมและรสชาติเผ็ดร้อนมากกว่าขิงแห้ง
  • ปรับสูตรได้ตามชอบ: สามารถเพิ่มวัตถุดิบอื่นๆ เช่น หอมแดง กระเทียม เพื่อเพิ่มรสชาติ
  • ทานขิงเป็นประจำ: เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรทานขิงเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ *หลังมื้ออาหารทั้งสามมื้อ

ขิง ดีต่อใจ อย่างไร?

นอกจากดีต่อสุขภาพกายแล้ว ขิงยังมีส่วนช่วยในเรื่องสุขภาพใจด้วยนะคะ กลิ่นหอมของขิงช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด ทำให้เรามีอารมณ์ที่ดีขึ้น การได้ทำอาหารที่มีส่วนผสมของขิง ก็เป็นการสร้างสรรค์และผ่อนคลายไปในตัว

สรุป

ขิงเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งกายและใจ การนำขิงมาใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการนำมาประกอบอาหาร หรือดื่มเป็นชา ก็เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีความสุขกับชีวิตมากยิ่งขึ้น

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ปลูกขิงเอง: การปลูกขิงเองที่บ้าน จะทำให้เรามีขิงสดๆ ไว้ใช้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยอำนวยความสะดวก คือการเลือกใช้ *ขิงผงสำเร็จรูป ทดแทน ช่วยให้ประหยัดเวลาและยังสามารถจัดเก็บได้นานอีกด้วย
  • ทำขิงดองเอง: ขิงดองสามารถนำไปใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู
  • แบ่งปันสูตรอาหารที่มีส่วนผสมของขิง: เพื่อให้คนรอบข้างได้ลองทำตาม

ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและคนที่คุณรัก

*ดื่มน้ำขิงหลังมื้ออาหาร ดีต่อสุขภาพอย่างไร?

รู้หรือไม่ว่า? น้ำขิงร้อนๆ แก้วนึงหลังมื้ออาหาร

มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่คิด!

1. ช่วยย่อยอาหาร: ขิงมีสารประกอบที่ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย

2. ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน: ขิงมีประสิทธิภาพในการลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากหลายสาเหตุ เช่น อาการเมาหลังอาหาร

3. แก้ปวดประจำเดือน: ขิงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้

4. ต้านหวัด: ขิงช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการเจ็บคอ ไอ และหวัด

5. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ: ขิงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

6. ดีต่อระบบเผาผลาญ: ขิงช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น

7. ผ่อนคลาย: ขิงมีสรรพคุณช่วยผ่อนคลาย ลดความเครียด

ดื่มน้ำขิงหลังมื้ออาหารเป็นประจำ เพียงเท่านี้ ร่างกายของคุณก็จะได้รับประโยชน์มากมาย สุขภาพดี ห่างไกลโรคแน่นอนค่ะ!

สัมผัสรสชาติขิงแท้ ดื่มด่ำไปกับความหอมละมุนของขิง พร้อมให้ความสดชื่นและกลมกล่อมในทุกครั้งที่ดื่ม

*ขิงผงสำเร็จรูป

สัมผัสรสชาติขิงแท้ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากภูเขาสูงทางภาคเหนือของไทย ดื่มด่ำกับความหอมละมุนและรสชาติอันล้ำลึกซึ่งปราศจากการเติมน้ำตาล มอบความสดชื่นและกลมกล่อมทุกครั้งกับน้ำขิงที่เปี่ยมคุณภาพแก้วนี้ และสามารถใช้จินเจน ขิง 100% ไม่มีน้ำตาล แทนขิงแก่สดเพื่อเพิ่มรสชาติอาหารให้เผ็ดร้อน เข้มข้นยิ่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ไม่ว่าจะดื่มหลังอาหารเช้าเพื่อเติมความสดชื่น เริ่มต้นวันใหม่ให้พร้อมกับการทำงาน และยังช่วยเสริมระบบการเผาผลาญและภูมิคุ้มกัน จินเจน จะมอบความสุขในทุกครั้งที่คุณได้ดื่ม

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

ขิงสุดยอดสมุนไพร! 3 สูตรอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน ทานง่ายได้ทุกวัย

ขิงสุดยอดสมุนไพร! 3 สูตรอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน ทานง่ายได้ทุกวัย

ในยุคที่โรคภัยไข้เจ็บมารุมเร้า การมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง “ขิง” สมุนไพรไทยที่หาซื้อง่ายและมีสรรพคุณมากมาย นับเป็นตัวช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 3 สูตรอาหารจากขิง ที่ทำง่าย อร่อย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพกันค่ะ

แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมขิงถึงช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้?

ขิงมีสารสำคัญหลายชนิดที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เช่น จินเจอรอล (Gingerol) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการเจ็บคอและบรรเทาอาการหวัด นอกจากนี้ ขิงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น

3 สูตรอาหารจากขิง ที่ทำง่าย ได้ประโยชน์ เสริมภูมิคุ้มกันไปเต็มๆ 

1. น้ำขิงมะนาว: น้ำขิงมะนาวช่วยดับกระหายคลายร้อน บรรเทาอาการหวัด และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี วิธีทำก็ง่าย เพียงนำขิงสดมาขูดแล้วชงกับน้ำร้อน เติมน้ำมะนาวและน้ำผึ้งเล็กน้อย ก็พร้อมดื่มได้ทันที

หรือเพื่อความสะดวกมากขึ้น เราสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ขิงผงสำเร็จรูปจินเจนมาทดแทนขิงสดได้ ซึ่งมีหลากหลายรสชาติให้เลือก เช่น จินเจนขิง 100% ไม่มีน้ำตาล เป็นต้น

2. ขิงผัดไข่: เมนูง่ายๆ ที่หาทานได้ตามร้านอาหารทั่วไป แต่หากทำเองที่บ้านจะได้ความสดใหม่และควบคุมปริมาณวัตถุดิบได้เอง เพียงแค่ผัดขิงกับไข่จนสุกหอม โดยจะใส่เนื้อสัตว์หรือใบผักลงไปผัดเพิ่มด้วยก็ได้ตามใจชอบ แค่นี้ก็ได้เมนูอร่อยที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร

และเช่นเดียวกัน ถ้าอยากจะเพิ่มรสชาติความเผ็ด และความหอมของขิงไปอีกก็สามารถโรย จินเจน ขิง 100% ไม่มีน้ำตาลไปอีกหน่อยหลังปรุงเสร็จแล้วหรือก่อนเสิร์ฟก็ได้เช่นกันค่ะ

3. ขิงดอง: ขิงดองนอกจากจะเป็นเครื่องเคียงที่อร่อยแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น วิธีทำขิงดองก็ไม่ยาก เพียงล้างขิงให้สะอาด ปอกเปลือก และหั่นเป็นแผ่นบางๆ นำขิงที่หั่นไว้แช่ในน้ำเกลือ (เกลือ 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำเปล่า 1 ถ้วย) เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นล้างขิงด้วยน้ำสะอาดแล้วสะเด็ดน้ำ จากนั้นเตรียมทำน้ำดองโดยผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย และน้ำเปล่า (น้ำเปล่าครึ่งถ้วย) เข้าด้วยกัน แล้วนำไปตั้งไฟกลาง คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายดี และน้ำส้มสายชูร้อน (ไม่ต้องเดือด) แล้วนำขิงที่สะเด็ดน้ำแล้วใส่ลงในภาชนะที่สะอาด จากนั้นเทน้ำดองที่เตรียมไว้ลงไปให้ท่วมขิง ปิดฝาภาชนะ แล้วเก็บไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 1 คืนหรือ 24 ชั่วโมงก่อนทาน เพียงเท่านี้ขิงดองก็พร้อมเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงกับอาหารจานหลักตามที่ชอบได้เลยค่ะ

ประโยชน์ของการทานขิงเป็นประจำ

  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อ
  • ลดอาการอักเสบ: บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • ช่วยระบบย่อยอาหาร: ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
  • บรรเทาอาการหวัด: ช่วยลดอาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล
  • ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง: เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

ระบบย่อยดี สุขภาพดีตาม

ระบบย่อยดี สุขภาพดีตาม

“ขิง” ตัวช่วยระบบย่อยอาหารให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบย่อยอาหาร เปรียบเสมือนโรงงานที่เปลี่ยนอาหารที่เรากินเข้าไป ให้กลายเป็นสารอาหารที่ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ เมื่อระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ร่างกายของเราก็จะได้รับสารอาหารครบถ้วน ส่งผลต่อสุขภาพที่ดี


แล้วจะทำอย่างไรให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้ดี?

1. ทานอาหารที่มีประโยชน์

เลือกทานผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนทานอาหารที่มีกากใยสูง

หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารที่มีไขมันสูง และอาหารรสจัด


2. ทานอาหารตรงเวลา

ทานอาหาร 3 มื้อหลัก และ 2 มื้อว่าง ไม่ควรอดมื้อกินมื้อ ทานอาหารช้าๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ดื่มน้ำเปล่า 8 แก้วต่อวัน ดื่มน้ำก่อนทานอาหาร 30 นาที

หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหลังทานอาหารทันที

4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ออกกำลังกาย 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์

เลือกกิจกรรมที่เหมาะกับตัวเอง การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร

5. ลดความเครียด

หาวิธีผ่อนคลายความเครียด

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ฝึกสมาธิ

6. ทานขิง

ขิงเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่มีสรรพคุณมากมาย หนึ่งในนั้นคือช่วยย่อยอาหาร ขิงมีสารประกอบที่เรียกว่า “จินเจอรอล” (Gingerol) ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ประโยชน์ของขิงต่อระบบย่อยอาหาร:

ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ลดกรดในกระเพาะอาหาร แก้ปัญหาลำไส้แปรปรวน ขับลมในกระเพาะอาหาร

สำหรับท่านที่ต้องการรับประทานขิงเพื่อช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ปัจจุบันสามารถบริโภคขิงผงสำเร็จรูปทดแทนได้ โดยจะเลือกแบบไม่มีน้ำตาล เช่น จินเจน ขิง 100% ไม่มีน้ำตาล หรือเลือกรสชาติอื่นๆตามต้องการ

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

ทำไมควรดื่มน้ำขิงหลังมื้ออาหาร

ดื่มน้ำขิงหลังมื้ออาหาร ดีต่อสุขภาพอย่างไร?

รู้หรือไม่ว่า? น้ำขิงร้อนๆ แก้วนึงหลังมื้ออาหารมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่คิด!

1. ช่วยย่อยอาหาร: ขิงมีสารประกอบที่ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย

ขิง: สมุนไพรที่มีสรรพคุณอันหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการช่วยระบบย่อยอาหาร ขิงมีสารประกอบสำคัญที่ชื่อว่า จิงเจอรอล (Gingerol) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อนและมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้ร่างกายสามารถย่อยอาหารได้ดีขึ้น ลดอาการไม่สบายต่างๆ ที่เกิดจากระบบย่อยอาหารทำงานไม่เป็นปกติ

2. ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน: ขิงมีประสิทธิภาพในการลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากหลายสาเหตุ เช่น อาการเมาหลังอาหาร

ทำไมขิงถึงช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้?

  • สารสำคัญในขิง: จิงเจอรอล (Gingerol) และโชกาออล (Shogaol) เป็นสารสำคัญในขิงที่มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อาหารเคลื่อนที่ผ่านระบบทางเดินอาหารได้ดีขึ้น ลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน
  • ลดการอักเสบ: ขิงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารและลำไส้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้
  • ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ: ขิงช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ลดอาการปวดเกร็งและคลื่นไส้

3. ดีต่อระบบเผาผลาญ: ขิงช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น

ทำไมขิงถึงช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้?

  • จิงเจอรอล (Gingerol) และโชกาออล (Shogaol): สารสำคัญในขิงสองชนิดนี้ มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกายเล็กน้อย เมื่อร่างกายมีความร้อนเพิ่มขึ้น ระบบเผาผลาญก็จะทำงานมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น
  • กระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์: ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมสำคัญที่ควบคุมการเผาผลาญของร่างกาย การศึกษาบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า ขิงอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น
  • เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร: ขิงช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารจากอาหาร ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาระบบเผาผลาญให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ลดการอักเสบ: การอักเสบเรื้อรังสามารถทำลายเซลล์และอวัยวะต่างๆ รวมถึงเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญพลังงาน ขิงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น

4. ขิงขับลม ช่วยให้สบายท้อง: ขิงมีสรรพคุณช่วยขับลม เมื่อมีอาการแน่นท้อง แถมยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายสบายท้องด้วย

ทำไมขิงถึงช่วยขับลมได้?

  • ขิงมีสารสำคัญที่ช่วยขับลม เช่น จิงเจอรอล (Gingerol) และ โชกาออล (Shogaol)
  • สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
  • ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อในลำไส้ ทำให้การเคลื่อนที่ของลมในทางเดินอาหารดีขึ้น
  • ลดการเกิดแก๊สและอาการท้องอืด
  • กระตุ้นการหลั่งของน้ำย่อยและน้ำดี ส่งเสริมกระบวนการย่อยอาหารให้ราบรื่น

สัมผัสรสชาติขิงแท้กับจินเจน ที่คัดสรรขิงมาอย่างพิถีพิถัน พร้อมดื่มด่ำกับความหอมละมุนและรสชาติอันล้ำลึก มอบความสดชื่นและกลมกล่อมทุกครั้งที่ดื่ม

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ shop.gingen.com

ผักในบ้าน แก้ปัญหาท้องอืด

ผักในบ้าน แก้ปัญหาท้องอืด


ท้องอืด ปัญหาหนักอกหนักใจใครๆ ก็ไม่อยากเจอ
แต่รู้หรือไม่ว่าผักในบ้านเรานี่เองก็ช่วยแก้ปัญหาท้องอืดได้นะ มาดูกันว่าผักอะไรบ้างที่ช่วยได้

อาหารรสขม

อาหารรสขมช่วยกระตุ้นน้ำย่อยให้ทำงานได้ดี ลองดื่มชาสมุนไพรรสขมก่อนมื้ออาหารก็จะไม่มีอาการอึดอัดแน่นท้องตามมา

ขิงสด

วิธีการทำ : หั่นขิงสดเป็นแว่นๆ 30 กรัม ใส่ลงในน้ำเดือด 500 มิลลิลิตร ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง กรองเฉพาะน้ำ จิบครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและท้องอืด

ใบกะเพรา

วิธีการทำ : นำใบกะเพราสด 1 กำมือ ต้มในน้ำเปล่า 1 ลิตร ดื่มแทนน้ำเปล่า จะช่วยบำรุงธาตุ

ขับลม บรรเทาอาการจุกเสียด

ตะไคร้

วิธีการทำ : นำตะไคร้สดแก่มาทุบ ประมาณ 2-3 ต้น ต้มกับน้ำสะอาด ช่วยบรรเทาอาการแน่นจุกเสียด

กะหล่ำปลี

ในส่วนของกะหล่ำปลีนั้นสามารถนำมาผัดกับแครอทพาร์สลีย์และใช้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์

เพราะสิ่งเหล่านี้มีสรรพคุณเป็นยาลดกรด ลดการระคายเคือง ช่วยเรื่องการย่อยได้ดี

ในส่วนของการดื่มน้ำขิงนั้น เพื่อเพิ่มความสะดวกในการรับประทานและยังสามารถพกพาไปได้ในทุกๆที่ สามารถเลือกดื่ม จินเจน ขิงผงสำเร็จรูปทดแทนได้

สัมผัสความบริสุทธิ์ของขิงแท้จากธรรมชาติ ดื่มด่ำกับความหอมละมุนและรสชาติอันล้ำลึกของขิงแท้ ๆ จากภูเขาสูงทางภาคเหนือของประเทศไทย ให้ความหอม อร่อย กลมกล่อม อย่างเป็นธรรมชาติ เปิดประสบการณ์การดื่มน้ำขิงที่เต็มไปด้วยคุณค่าของขิงคุณภาพเยี่ยมจากธรรมชาติที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันในทุก ๆ แก้ว ทำให้รู้สึกถึงความสดชื่นที่มาพร้อมกับรสชาติเข้มข้นและความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานด้วยความกลมกล่อมอย่างลงตัว แบบที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

 

สมุนไพรแก้ไอ

ไอ เป็นอาการที่พบบ่อย เกิดจากการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ อาจเกิดจากหวัด ภูมิแพ้ หรือโรคอื่นๆ 

นอกจากการรับประทานยาแก้ไอเพื่อบรรเทาอาการแล้ว เรายังสามารถหาสมุนไพรใกล้ตัวมาปรับประทานเพื่อช่วยให้อาการไอลดลงได้ ส่วนจะมีสมุนไพรอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ

1.น้ำขิงอุ่น ๆ

สามารถใช้ได้ทั้งขิงสดและขิงผงสำเร็จรูป

สรรพคุณของขิง

  • แก้ไอ: สาระสำคัญในขิง เช่น gingerol และ shogaol ช่วยลดการอักเสบในลำคอและหลอดลม ช่วยให้เสมหะละลายง่าย ขับเสมหะออกได้ดี
  • ต้านการอักเสบ: ขิงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการระคายเคืองในลำคอ
  • ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย: ขิงมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสบางชนิดที่อาจเป็นสาเหตุของอาการไอ
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ขิงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับหวัดและโรคอื่นๆ ได้ดีขึ้น
  • บรรเทาอาการคลื่นไส้: ขิงช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหมาะสำหรับผู้ไอที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย

2.ผลไม้รสเปรี้ยว

ช่วยชุ่มคอ ขับเสมหะ เช่น สัปปะรด มะยม ระกำ

3.ใบไอวี่

สมุนไพรจากยุโรปที่ได้รับการรับรองจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป

ใบไอวี่ หรือ เฮเดอรา เฮลิกซ์ (Hedera helix) เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมาย หนึ่งในนั้นคือ การแก้ไอ

งานวิจัยหลายชิ้น พบว่า ใบไอวี่มีประสิทธิภาพในการลดอาการไอ โดยเฉพาะ อาการไอเรื้อรัง

สารประกอบสำคัญในใบไอวี่ ที่มีฤทธิ์ในการแก้ไอ ได้แก่

  • ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) : ช่วยลดการอักเสบ
  • ซาโปนิน (Saponins) : ช่วยละลายเสมหะ
  • เฮเดอโรไซด์ (Hederacosides) : ช่วยคลายกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ

จากผลการวิจัย พบว่า ใบไอวี่มีประสิทธิภาพในการลดอาการไอเทียบเท่า ยาแก้ไอบางชนิด

4.น้ำอุ่นผสมมะนาวและน้ำผึ้ง

น้ำอุ่นครึ่งแก้ว มะนาวครึ่งซีก น้ำผึ้งเล็กน้อย

น้ำอุ่นผสมมะนาวและน้ำผึ้ง มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง ดังนี้

1. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: มะนาวมีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ต่อสู้กับหวัดและโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น

2. ต้านอนุมูลอิสระ: มะนาวและน้ำผึ้งมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ป้องกันเซลล์ร่างกายถูกทำลาย

3. บรรเทาอาการหวัด: น้ำอุ่นช่วยละลายเสมหะ มะนาวช่วยลดอาการคอแห้ง เจ็บคอ น้ำผึ้งช่วยบรรเทาอาการไอ

นอกจากสมุนไพรดังกล่าวแล้ว เรายังสามารถหาเครื่องดื่มมาบรรเทาอาการไอได้แบบง่ายๆ ในรูปแบบผงชงพร้อมดื่ม เช่น ผลิตภัณฑ์ขิงผงสำเร็จรูปตรา จินเจน ซึ่งมีสูตร จินเจน ขิง100% ไม่มีน้ำตาล ให้คุณได้สัมผัสความหอม อร่อย กลมกล่อมของขิงแท้จากธรรมชาติ ช่วยแก้ไอได้ แถมทำให้ชุ่มคอ สามารถดื่มเพื่อเติมความสดชื่นในช่วงเช้า หรือช่วยผ่อนคลายหลังจากวันที่เหนื่อยล้า จินเจน ขิง100% ไม่มีน้ำตาล จะมอบความสุขและความพึงพอใจในทุกช่วงเวลาของคุณ

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

 

8 อาหารลดความเสี่ยงมะเร็งปอด

8 อาหาร ลดความเสี่ยงมะเร็งปอด

จากสถิติทั่วโลก พบว่าทุกปีมีคนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดปีละ 1.8 ล้านคน สำหรับในประเทศไทยมะเร็งปอดถือเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 2 ในผู้ชาย และอันดับ 4 ในผู้หญิงที่ทำให้เสียชีวิตมากที่สุด

แต่จะดีแค่ไหนถ้าเรามีวิธีป้องกันมะเร็งปอดได้จากการกินอาหาร

มาดูกันดีกว่าว่าอาหารชนิดไหนช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งปอดได้

1. ขิง ช่วยต้านการอักเสบภายในร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

– สารโชกาออล และจิงเจอรอล ในขิงช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นภูมิคุ้มกันและต้านการเกิดมะเร็ง

2. ส้ม มะละกอ แครอท และพริกหยวกแดง เป็นแหล่งของ วิตามินเอและเบต้าแคโรทีน

– มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งปอด

3. ถั่วเหลือง ฮอร์โมนธรรมชาติ ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง

– ไอโซฟลาโวนและฟลาโวนอยด์ ชะลอการเจริญเติบโตของมะเร็งปอด

4. ปลาทูน่า ปลาแซลมอน และปลาจากทะเลน้ำลึก มีโอเมก้า-3 สูง

– กินปลาแทนไขมันสัตว์ ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งปอด

5. ผักโขม ผักคะน้า ถั่ว ลดความเสี่ยงมะเร็งปอดในคนสูบบุหรี่

– โฟเลต หรือวิตามินบี 9 ช่วยปกป้องเซลล์จากสารก่อมะเร็งในบุหรี่

6. แอปเปิล มีวิตามินและแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการบำรุงปอด

– นอกจากมีวิตามินซีและเส้นใยอาหารสูงแล้ว ยังมีเคอร์ซิทีนซึ่งเป็นอนุมูลอิสระ เคล็ดลับคือห้ามปอกเปลือก สารสำคัญอยู่ที่เปลือก

7. ผักตระกูลกะหล่ำ ยับยั้งเอนไซม์ลุกลามของเซลล์มะเร็งได้

– มีสารซัลโฟราเฟน ป้องกันและต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง และช่วยขับสารพิษจากปอดได้ โดยต้องนำผักตระกูลกะหล่ำมาหั่นก่อนปรุง

– มีสารอินโดล-3-คาร์บินอล ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจากเซลล์มะเร็ง

8. เมล่อน มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง

– สารเอสโอดี ช่วยกระตุ้นการขับสารพิษจากร่างกาย และช่วยขับสารพิษที่ก่อมะเร็งออกจากร่างกาย

ที่มา : โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา

สำหรับท่านที่ต้องการรับประทานขิงเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ปัจจุบันสามารถบริโภคขิงผงสำเร็จรูปทดแทนได้ โดยจะเลือกแบบไม่มีน้ำตาล หรือเลือกรสชาติตามต้องการ

ขิงผงสำเร็จรูปจินเจน เป็นขิงแท้ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ให้ความสดชื่นและกลมกล่อมในทุกการบริโภค จินเจน 100% แบบไม่มีน้ำตาล สามารถใช้แทนขิงแก่สดแท้จากธรรมชาติได้ เพื่อเพิ่มรสชาติอาหารให้เผ็ดร้อน เข้มข้น ยิ่งขึ้น

Ginger Shot น้ำขิงช็อตสำหรับคนอยากสวย

Ginger Shot หรือขิงสกัด หลายคนนิยมกินเป็นช็อตทุกวันในตอนเช้า เนื่องจากมีสรรพคุณมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

แต่ก่อนที่จะไปดูประโยชน์ของขิงช็อตเรามาดูในส่วนของวัตถุดิบสำหรับการทำขิงช็อตซึ่งทำง่ายมาก ว่ามีอะไรบ้าง

วัตถุดิบ

1.ขิงแก่ 3 หัวใหญ่ๆ (สามารถใช้ขิงผงแทนได้)

2.ขมิ้น 3-4 ชิ้นเล็ก (สามารถใช้ขมิ้นผงแทนได้)

3.แอปเปิล 1 ลูก (ช่วยให้ทานง่าย)

4.เลม่อน 1 ลูก

5.มะนาว 2 ลูก

6.ส้ม 2 ลูก

7.น้ำผึ้ง 1 ช้อน (หรือชิมตามรสที่ชอบ)

8.พริกไทยดำบด 1 หยิบนิ้ว

9.น้ำสะอาด (ช่วยให้ปั่นง่ายขึ้น)

ส่วนวิธีการทำนั้นก็ไม่ยาก

1.ขิงและขมิ้น หั่นเป็นแว่นๆ

2.แอปเปิล ส้ม เลม่อน และมะนาวให้ปอกเปลือกไม่ต้องนำเม็ดออก นำทั้งหมดใส่โถปั่น

3.เติมน้ำสะอาดเพื่อให้ปั่นง่ายขึ้นและใส่พริกไทยดำบดลงไป จากนั้นทำการปั่นได้เลย

4.ใช้ผ้าขาวบางกรองเอากากออก ก็จะได้เป็นน้ำขิงสกัดที่เข้มข้นมาก

วิธีการรับประทาน

แนะนำสูตรสำหรับทานง่าย ให้เติมน้ำผึ้งลงไป จากนั้นให้แบ่งน้ำขิงสกัดเป็น 3 ส่วน เติมน้ำเปล่า 1 ส่วน ให้เจือจาง จากนั้นแบ่งเป็นช็อต สามารถเก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 7 วัน

แนะนำให้ดื่มทุกเช้าวันละ 1 ช็อต เพราะจะช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ดีท็อกซ์ลดพุง ช่วยชะลอวัยและเรื่องผิวพรรณ เสริมภูมิคุ้มกันได้ดีมากๆเลยค่ะ

#ดื่มความสุขสดชื่น
#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

3 ความลับของขิงที่หลายคนคาดไม่ถึง

หลายคนอาจรู้กันอยู่แล้วว่าสรรพคุณของขิงนั้นช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ลดอาการวิงเวียนศีรษะจากการเมารถได้

แต่จริงๆแล้วน้ำขิงมีความลับมากกว่านั้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1.ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้

เหมาะมากๆกับในยุคโรคระบาดอย่าง โควิด เพราะมีงานวิจัยจากปี 2008 พบว่าเวลาที่้เราดื่มน้ำขิงทุกวันจะช่วยลดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่อยู่ในช่องปากและทางเดินหายใจได้

ดังนั้นก็หมายความว่าอาจมีส่วนที่จะช่วยทำให้คนที่ดื่มน้ำขิงเป็นประจำมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงมากขึ้น จึงไปช่วยต่อต้านเชื้อโรคจากแบคทีเรียและไวรัสนั่นเอง

 

2.ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคสมองเสื่อม

ใครก็ตามที่รู้สึกไม่ดี กลัวจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ในอนาคต ดื่มน้ำขิง หรือทานขิงช่วยได้ เพราะในงานวิจัยพบว่า เมื่อให้ผู้หญิงในวัย 50-60ปี ทานขิงสกัดติดต่อกัน 2 เดือน จะช่วยพัฒนาความจำให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่า น้ำขิงน่าจะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในอนาคตได้

 

3.บรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน

เพียงดื่มน้ำขิงก่อนประจำเดือนมา 4 วันทุกเช้า

ผลปรากฎว่าอาการปวดท้องประจำเดือนลดลง

โดยที่ในงานวิจัยถ้าคุณลองไปหาอ่านก็จะมีเยอะมากในเรื่องช่วยปวดท้องประจำเดือน ดังนั้นคุณสามารถนำขิงมาทำเป็นอาหาร หรือจะดื่มเป็นน้ำขิงก็ได้ง่ายๆ สะดวกและประหยัดเวลาได้เป็นอย่างดี

 

#ดื่มความสุขสดชื่น #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน