“ภาวะตัวเย็น” ต้นเหตุโรคร้าย อันตรายถึงเสียชีวิต

ภาวะตัวเย็น (Hypothermia) คือ ภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส (ปกติควรอยู่ที่ 36.2 – 36.3 องศาเซลเซียส) ส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคไข้หวัด ปอดบวม หลอดเลือดสมอง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และความดันโลหิตสูง

ผู้ที่อยู่ในภาวะตัวเย็น จะมีอาการไม่สบาย เหนื่อยล้า นอนหลับไม่สนิท เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยไหล่ หรือ มือเท้าเย็น หากเป็นมากก็จะมีอาการหนาวสั่นมากผิดปกติ หายใจช้า พูดช้า สับสน

สาเหตุของภาวะตัวเย็น เกิดจากอาหารการกินและพฤติกรรมการกินเป็นสาเหตุหลัก โดยเฉพาะคนสมัยนี้ที่กินมากเกินความจำเป็น ร่างกายจึงต้องส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงที่กระเพาะอาหารและลำไส้มากขึ้น เพื่อช่วยในกระบวนการย่อยและดูดซึมสารอาหาร ปริมาณเลือดที่เหลือไปหล่อเลี้ยงสมองและกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆจึงลดน้อยลง อวัยวะที่ทำหน้าที่ส่วนใหญ่ในการผลิตความร้อนและรักษาอุณหภูมิ ในร่างกาย ได้แก่ กล้ามเนื้อ ตับ สมอง หัวใจ ก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ ร่างกายจึงมีอุณหภูมิต่ำลง
อีกทั้งอาหารที่กินย่อยไม่หมด ทั้งสารอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน และน้ำตาลที่เหลือจากการเผาผลาญก็จะกลายเป็นของเสียที่ทำให้เลือดสกปรก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมากมาย


ดังนั้นทางการแพทย์จึงแนะนำว่าอย่ากิน “อาหารฤทธิ์เย็น” มากจนเกินไป

“อาหารฤทธิ์เย็น” ที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อมีภาวะตัวเย็น ได้แก่ (หมวดเครื่องดื่ม) ชาเขียว กาแฟ เบียร์ น้ำมะนาว น้ำมะพร้าว สับปะรด
(หมวดผลไม้) กล้วย มะม่วง มะเขือเทศ
(หมวดผักใบเขียว) แตงกวา ผักบุ้ง ตำลึง ผักหวาน บวบ ฟัก วุ้นเส้น
(หมวดแป้งและน้ำตาล) ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง น้ำตาลทรายขาว ขนมปัง มายองเนส เนย เค้ก เป็นต้น

สาเหตุอื่นๆของภาวะตัวเย็น ได้แก่ การออกกำลังกายไม่เพียงพอ ความเครียด หรือจากการที่ร่างกายสัมผัสอุณภูมิเย็นมากเกินไปเป็นเวลานาน ซึ่งจะทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนเร็วกว่าที่ร่างกายผลิตได้ เมื่อร่างกายไม่สามารถสร้างความร้อนได้เพียงพอ อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลย หากไม้ได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์ที่ถูกต้อง

ภาวะตัวเย็นเป็น “ โรคของคนสมัยใหม่ และคาดว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บที่สัมพันธ์กัน ก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย “ การรักษาความอบอุ่นของร่างกายอยู่เสมอเป็นวิธีการหลักในการเพื่อป้องกันภาวะตัวเย็น

อย่างไรก็ตาม ในผู้ที่มีภาวะตัวเย็นรุนแรง แพทย์จะทำการรักษาด้วยการให้สารน้ำอุ่นๆ ซึ่งมักจะเป็นน้ำเกลืออุ่นฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ในบางกรณี อาจมีการเพิ่มอุณหภูมิให้กับทางเดินหายใจ โดยการใช้หน้ากากหรือท่อใส่ทางจมูกเพื่อช่วยหายใจ ซึ่งก็สามารถช่วยรักษาอาการภาวะตัวเย็นได้เช่นกัน

“ขิง” จัดเป็นพืชสมุนไพรอันดับหนึ่งที่ช่วยขจัดภาวะตัวเย็น

สรรพคุณหนึ่งที่สำคัญของขิงก็คือช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก ช่วยให้อวัยวะภายในทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยขับของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกาย

นอกจากนี้ขิงยังจัดเป็นพืชสมุนไพรสารพัดประโยชน์ ที่ใช้กันมานานแต่โบราณ (อ่านประโยชน์ของขิงเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/32bEPQF

ภาวะตัวเย็นจัดเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ถ้าคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการที่สงสัยได้ว่าเป็นภาวะตัวเย็น ให้รีบโทรสายด่วน 1669 หรือรีบพาไปโรงพยาบาลทันทีนะคะ

ข้อมูล: pobpad.com, หนังสือเรื่อง สลิม สวย สมดุล ด้วยสูตรพลังแห่งขิง 

7 วิธี เที่ยวถ้ำให้ปลอดภัย

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว จ่าเอก สมาน กุนัน อดีตหน่วย SEAL ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ที่ถ้ำหลวงด้วยนะคะ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกหน่วยงานที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ขอให้ทุกคนปลอดภัยค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ด้วยความห่วงใยจากใจจริงของจินเจนและป้าเจน วันนี้เราเลยอยากแชร์ความรู้เกี่ยวกับการเที่ยวถ้ำให้ปลอดภัยมาฝากทุกท่านค่ะ

#ป้าเจน

Cr. ไทยรัฐออนไลน์

“ขิงดี๊ดี…มีแต่ประโยชน์”

ขิงดี๊ดี! ดื่มหรือรับประทานให้ได้เป็นประจำ ดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญช่วยเพิ่มภูมิต้านทานซึ่งเหมาะกับช่วงเวลานี้มากๆนะคะ ^^

#ด้วยความห่วงใย

#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

www.gingen.com

จัดชุดสังฆทานให้ได้ประโยชน์

ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการเข้าพรรษา วันนี้ป้าเจนเลยมาแนะนำวิธีการจัดชุดสังฆทานให้ได้ประโยชน์สูงสุดกันค่ะ ^^

ขอให้ทุกท่านที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีความสุขทั้งกายและใจนะคะ

#เข้าพรรษา

#Gingen #ขิงผงจินเจน

#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

www.gingen.com

อ้วนยังไงให้แฟนรัก

ก็น่ารักอย่างงี้ ให้อ้วนอีกกี่ปี

พี่ก็ร้าาากกกก 😃

 

 

 

#อ้วนยังไงให้แฟนรัก

#Gingen #ป้าเจน

www.gingen.com

6 วิธีเยียวยาผิวไหม้แดดง่ายๆ

อารมณ์เสียยย! น้ำก็ไม่โดนสาด! ผิวก็ไหม้อีกกก!

ใครที่เจอปัญหาเดียวกับป้า แวะเข้ามาเลย เพราะวันนี้ป้าเอา “เคล็บลับการฟื้นฟูผิวไหม้แดดแบบง่ายๆ” มาฝากทุกคนจ้าา ไปลองกันได้เลย ^^

#ป้าเจน #เยียวยาผิวไหม้แดด

#GingenTH

www.gingen.com

มาทำความรู้จัก โรคซึมเศร้า

ช่วงนี้มีกระแสพูดถึง “โรคซึมเศร้า” กันอีกครั้ง…ป้าก็เลยไปหาข้อมูลมาให้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ

 

 

 

 

 

 

ปล. อย่าลืมว่าโรคนี้รักษาหายได้นะ ถ้าเรารู้สึกว่ามีอาการเองก็รีบไปหาหมอซะนะ แต่ถ้าเรารู้สึกว่าคนที่เรารัก หรือคนที่เรารู้จักเค้ามีอาการเหล่านี้ ก็คอยสังเกต และอย่าปล่อยให้เค้ารู้สึกเดียวดาย เราอาจจะช่วยเค้าได้นะคะ…ป้าเป็นห่วงทุกคน เทคแคร์ จุ๊บๆ

 

 

#โรคซึมเศร้า #รักษาหายได้ #แชร์ได้ป้าโอเค

#ป้าเจน #ทีมป้าเจน

อายุมากขึ้นทุกวัน! แต่ทำยังไงให้มันเป็นแค่เพียงตัวเลข..

วันนี้ป้าเจนมีเคล็ด(ไม่)ลับมาบอก

(ใช้ได้ทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงนะคะ)

มีไม่กี่ข้อ แต่ท่องอย่างเดียวไม่เกิดประโยชน์อะไร ต้องทำด้วยค่ะ ^^

สุขภาพกายและใจสำคัญมาก ไม่ว่าจะวัยใน แต่ทุกอย่างเริ่มต้นที่เรานะคะ

เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆวัยรุ่นตอนปลายทุกคนค่ะ 😃

#40ยังแจ๋ว #เคล็ดลับ #ป้าเจน

#Gingen #พลังกายกำลังใจ

วัย 35UP ต้องอ่าน!! เมื่อฮอร์โมนเริ่มขาดสมดุล

ระดับของความสมดุลฮอร์โมนในร่างกายเราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อายุประมาณ 35 ปี ซึ่งก่อให้เกิดภาวะหรืออาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน อาทิ ระดับพลังงาน ระบบการเผาผลาญในร่างกายลดลง สุขภาพผิวพรรณมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ผิวแห้งกร้านหมองคล้ำไม่สดใส มวลกล้ามเนื้อลดลง อีกทั้งปริมาณไขมันสะสมในร่างกายเพิ่มขึ้น กระดูกบาง สมองเสื่อม นอนหลับยากขึ้น หงุดหงิดง่ายซึมเศร้า รวมไปถึงความต้องการทางเพศลดลงไปด้วย ที่สำคัญการที่ร่างกายขาดฮอร์โมนอาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ ตามมา อาทิ ภาวะไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจขาดเลือด


ทั้งนี้ แต่ละบุคคลจะมีสภาวการณ์ขาดฮอร์โมนที่แตกต่างกัน ส่งผลให้อาการที่แสดงออกมา แตกต่างกัน ตามชนิดที่ขาดและปริมาณของฮอร์โมนที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หากเราสามารถรักษาฮอร์โมนให้อยู่ในระดับที่เท่ากับช่วงวัยหนุ่มสาว สุขภาพจะยังคงแข็งแรง หน้าตาสดใสเหมือนหนุ่มสาว ดังนั้น ผลพลอยได้จากการปรับฮอร์โมนคือ นอกจากจะสุขภาพดี มีชีวิตที่มีคุณภาพแล้ว ยังจะมีหน้าตาและผิวพรรณที่อ่อนกว่าวัย ไม่แห้งกร้าน

การคืนความสมดุลแห่งฮอร์โมน ทำได้อย่างไร?

อาหาร เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้นเราควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และมีคุณภาพในอัตราส่วนที่เหมาะสม เช่น โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ไม่หนักอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป เป็นระยะเวลานานๆ สิ่งสำคัญคือ การรับประทานอาหารให้มีความหลากหลาย เพื่อที่ร่างกายจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงหรือลดอัตราการรับประทานอาหารที่มีสารพิษตกค้าง หรือปนเปื้อนอยู่มากอันได้แก่ อาหารสำเร็จรูป รวมไปถึงวิธีการปรุง แนะนำควรจะเป็นการนึ่ง ต้ม ตุ๋น ลวก มากกว่าการ ทอด ปิ้ง หรือ ย่าง เพื่อลดการบริโภคกรดไขมันที่เป็นอันตราย

โดยกรดไขมันที่เราพบเจอในอาหารแต่ละมื้อนั้น มีทั้งชนิดที่มีประโยชน์และมีโทษต่อร่างกาย ซึ่งกรดไขมันอิ่มตัวแปรรูปที่สามารถพบได้ในของทอด อบ หรือย่าง โดยใช้อุณหภูมิสูงซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือด ในขณะที่กรดไขมันจากธัญพืช ไขมันปลา และน้ำมันมะกอกเป็นไขมันดีที่ช่วยลดการอักเสบ ดังนั้นจึงควรรับประทานไขมันจากเมล็ดพืช และไขมันปลา เพื่อช่วยลดอาการอักเสบของหลอดเลือดหัวใจ และการอักเสบในเซลล์ร่างกาย รับประทานปลาเพิ่มไขมันดี เพื่อให้เกิดความสมดุลกับไขมันที่ไม่ดีในเนื้อแดง และเลือกใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหาร เพราะนอกจากทำให้ไม่อ้วนแล้ว ยังช่วยปรับสมดุลกับไขมันไม่ดี ช่วยให้อิ่มนานและไม่หิวระหว่างวันด้วย



      การออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะทำให้สุขภาพดี ควรออกกำลังกายให้ได้เหงื่อ และหัวใจเต้นแรง ประมาณ 20 นาที 3-4 ครั้ง ต่ออาทิตย์ ไม่ควรออกกำลังกายอย่างหักโหม เพราะแทนที่จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย กลับก่อให้เกิดอนุมูลอิสสระเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความเสื่อมต่อระบบต่างๆ ของร่างกายมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินชีวิตประจำวันก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรมองทุกอย่างในแง่ดี ไม่เครียด ทำงานอย่างมีความสุข รู้จักพักผ่อน นอนให้พอเพียง ทำจิตใจให้มีความสุข ร่างกายก็จะแข็งแรงไปด้วย

บางครั้งแม้ว่าเราจะปฎิบัติตัวแบบกินดี อยู่ดี แต่ก็ไม่สามารถรักษาระดับฮอร์โมนได้พอเพียงในกรณีเช่นนี้อาจต้องให้ฮอร์โมนเสริม หากใครรู้สึกสงสัยว่าตนเองมีอาการผิดปกติ หรือมีระดับฮอร์โมนบกพร่อง ประกอบกับอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กังวลการเข้าสู่วัยทอง รวมถึงแก่ก่อนวัย สามารถเข้ารับการตรวจระดับความบกพร่องของฮอร์โมน ซึ่งการตรวจสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การตรวจเลือด และปัสสาวะ หากผลวินิจฉัยว่าคุณเริ่มมีภาวะฮอร์โมนบกพร่องและอยู่ในระดับรุนแรงไม่มาก แพทย์อาจจะแนะนำให้รับประทานอาหารเสริม หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหาร หรือการออกกำลังกาย แต่ถ้าผลตรวจแสดงว่ามีภาวะฮอร์โมนบกพร่องรุนแรงมาก แพทย์จะแนะนำให้รักษาโดยการให้ฮอร์โมนทดแทน

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก: โรงพยาบาลเปาโล

“ขิง” สมุนไพรมากคุณค่า ที่มีมากว่า 5,000 ปี!

ขิง เป็นสมุนไพรและเครื่องเทศที่มีความสำคัญ และเก่าแก่ชนิดหนึ่งของโลก มีหลักฐานการใช้ยาวนานกว่า ๕,๐๐๐ ปี มีการใช้อย่างกว้างขวางในประเทศอินเดียและจีนสมัยโบราณ

ขงจื๊อ ปราชญ์จีนสมัยชุนชิว (ค.ศ.๔๗๙-ค.ศ.๕๐๐) ได้เสนอว่า “อาหารทุกมื้อไม่ควรละเลยขิง” ท่านเชื่อว่าบรรดาผักต่างๆ ขิงมีคุณค่ามากที่สุด สามารถทำให้มีชีวิตชีวา ขจัดของเสียในร่างกาย ขงจื๊อเป็นคน มณฑลซานตุง ปัจจุบันที่เมืองไหลอู๋ของซานตุง มีโรงงานผลิตเหล้าขิง ที่มีชื่อ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อของขงจื๊อได้รับการสืบทอดต่อกันมา


ซูตงปอ กวีเอกสมัยราชวงศ์ซ่ง ได้เขียนบทกวี “ตงปอจ๋อจี้” พูดถึงพระที่วัดเฉียนถางจิ้ง แห่งเมืองหางเจ่า ซึ่งมีอายุกว่า ๘๐ ปี มีใบหน้า อันอิ่มเอิบ สุขภาพแข็งแรง ได้คำตอบจากพระท่านนั้นว่า” ท่านฉันขิงมากว่า ๔๐ ปี ท่านจึงไม่แก่” ซูตงปอจึงมีความเชื่อว่าขิงคือยาอายุวัฒนะดีๆ นี่เอง

แหล่งกำเนิดของขิงไม่มีรายงานหรือปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่ามีถิ่นกำเนิดจากที่ใด แต่สันนิษฐานว่าขิงมีแหล่งกำเนิดอยู่ในบริเวณเอเชียตอนใต้ โดยเชื่อว่าแหล่งกำเนิดอยู่ในประเทศจีนชาวอินเดียได้นำขิงเข้าไปจำหน่ายในทวีปยุโรป ประมาณในศตวรรษที่ 7 ได้มีผู้นำเข้าไปจำหน่ายในประเทศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีชื่อภาษาสันสกฤตว่า “Singabera” พวกกรีกและลาติน เรียกว่า “Zingiber” ซึ่งคำนี้ปัจจุบันคือ ชื่อสกุล (Genus)ของขิงเชื่อว่าแหล่งกำเนิดของขิงน่ามาจากประเทศในแถบเอเชียอาคเนย์ ปัจจุบันขิงเป็นพืชที่มีปลูกมากในในประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีและประเทศในแถบเอเชียอาคเนย์ 

ประโยชน์และสรรพคุณขิง

  • เป็นยาบำรุงกำลังและยาอายุวัฒนะ
  • ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีในร่างกาย
  • ช่วยให้ระบบขับถ่ายในร่างกายดีขึ้น
  • ช่วยรักษาอาการร้อนใน
  • ขับล้างสารพิษและคอเลสเตอรอล,ไขมัน ออกจากร่างกาย
  • ช่วยแก้อาการหนาวสั่น
  • ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น
  • ช่วยบรรเทาอาการคลื่นใส้อาเจียนได้
  • ช่วยลดอาการปวดศีรษะและไมเกรนได้
  • แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม

นอกจากนั้นขิงยังสามารถช่วยรักษาโรคนิ่ว ช่วยขับถ่ายของเสียออกจากลำไส้ ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยในการย่อยอาหาร และยังช่วยลดกลิ่นปากได้อีกด้วย

ขิงเป็นพืชที่มีคุณท่าทางอาหารมาก เนื่องจากมีธาตุฟอสฟอรัสและวิตามิน เอ สูงและยังช่วยในการปรับปรุงรสชาติอาหาร คนโบราณนำส่วนต่างๆของขิง ได้แก่ แง่งขิง เปลือกขิง น้ำมันหอมระเหยและใบสดๆ มาใช้เป็นยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรคชนิดต่างๆ รวมถึงนำมาทำอาหารได้หลากหลาย เช่น ขิงอ่อนใช้เป็นผักจิ้ม ใช่ทำผัดขิง ใส่ในยำเช่นยำหอยแครง ใส่ในแกงฮังเล น้ำพริก กุ้งจ่อม ซอยใส่ในต้มส้มปลา เมี่ยงคำ ไก่สามอย่าง ใช้ทำขิงดอง ใส่ในบัวลอยไข่หวานเพื่อดับกลิ่นคาวไข่ ทำเป็นอาหารหวาน เช่น น้ำขิง เต้าฮวย ขิงแช่อิ่ม ขนมปังขิง และยังทำเป็นขิงผงสำเร็จรูป สำหรับชงดื่มด้วย

ที่มา

จินเจน ขิงผงสำเร็จรูป ที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานอันดับหนึ่ง 

สั่งซื้อจินเจนออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ https://shop.gingen.com