ใครบ้างควรดื่มน้ำขิง?

ขิง เป็นพืชสมุนไพรที่ประกอบไปด้วยสารอาหาร และ ประโยชน์ต่างๆมากมายในหลายๆด้าน เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายของเรา เช่น วิตามิน A วิตามิน B วิตามิน C เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยจำนวนมากอีกด้วย

เรามาดูกันดีกว่าว่าสมุนไพรอย่างขิงนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง และใครบ้างควรดื่มน้ำขิง

1. คนรักสุขภาพ

หนึ่งในสรรพคุณหลักๆของขิงคือ ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายได้ รวมถึงช่วยป้องกันไข้หวัด ดังนั้นคนรักสุขภาพจึงมักเลือกดื่มทุกเช้าหรือก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน

2. คุณแม่ตั้งครรภ์

การดื่มน้ำขิงอุ่นๆ หรือนำขิงมาเป็นส่วนประกอบในอาหาร จะช่วยคุณแม่ได้ตลอดระยะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะแม่ท้องอ่อนที่เริ่มมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ วิงเวียน ศีรษะ ซึ่งน้ำมันหอมระเหยในขิงจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ และยังช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับ รวมถึงขิงยังมีธาตุเหล็กสูง ช่วยในการบำรุงเลือด แก้อาการอ่อนเพลียอีกด้วย

3. คุณแม่ให้นม

ตามตำราแพทย์แผนจีนก็ระบุว่า ขิงมีฤทธิ์ร้อน ช่วยในการเผาผลาญ ขับลม ช่วยขับเลือดคาวปลา และช่วยกระตุ้นน้ำนม โดยเฉพาะน้ำขิงร้อนๆ ที่มีฤทธิ์ร้อนจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดเข้าไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆในร่างกาย และเลือดที่ไหลเวียนมากขึ้นจะกระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกาย รวมถึงต่อมผลิตน้ำนม ทำให้น้ำนมมากขึ้นตามไปด้วย

4. ผู้สูงวัย

เพราะในผู้สูงอายุ ไม่ว่าหญิงหรือชาย มักประสบปัญหาเกี่ยวกับความไม่สมดุลของธาตุต่างๆ ในร่างกาย ทั้งระบบย่อยอาหาร การเผาผลาญที่ลดลง ส่งผลให้ผู้สูงอายุ อ่อนเพลียง่าย นอนไม่หลับ ระบบย่อยอาหารไม่ดี มีภาวะท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูกตามมา

“ขิง” ที่มีรสเผ็ดร้อน ช่วยเติมธาตุไฟที่อ่อนลงให้สมดุล ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้คนที่หนาวง่าย “ขิงแก่” แก้ปัญหาท้องผูก จุกเสียดแน่น

5. ผู้หญิงปวดประจำเดือน

ขิงเป็นสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน จึงช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกยิ่งขึ้น และการดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนของสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงกว่า 150 คนที่ดื่มน้ำขิงชนิดผงปริมาณ 1 กรัมต่อวัน ในช่วง 3 วันแรกของการมีประจำเดือน สรรพคุณของขิงจะช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. หนุ่มสาวออฟฟิศ

คนวัยทำงานส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสุขภาพมากนัก การใช้ชีวิตอยู่กับความเร่งรีบตลอดเวลา ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย กินอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ล้วนเป็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดโรคต่างภัยไข้เจ็บต่างๆ

ขิง เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณและประโยชน์มากมาย มีฤทธิ์เผ็ดร้อนจึงสามารถนำมาปรุงอาหารและเป็นเครื่องดื่มสำหรับผู้ที่รักสุขภาพได้อีกด้วย ทั้งยังสามารถเป็นยารักษาได้สารพัดโรค ขิงให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายและสมอง ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการเวียนศีรษะ, บรรเทาอาการเจ็บปวด, ช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร, ช่วยป้องกันอาการหวัด, บรรเทาอาการไมเกรน

7. นักท่องเที่ยว นักเดินทาง

ปัญหาหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักพบเจอกันเป็นประจำคืออาการเมารถในระหว่างการเดินทาง วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ ที่ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการเมารถในขณะเดินทางท่องเที่ยวได้ กับ อาหารแก้เมารถ ที่เราแนะนำให้คุณกินในระหว่างเดินทาง

ดื่มน้ำขิง ขิงเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการเมารถเมาเรือได้ แถมยังช่วยขับลม แก้ท้องอืด แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน การดื่มน้ำขิงระหว่างหรือก่อนเดินทางจึงสามารถช่วยปรับธาตุและลดอาการเมารถได้

8. คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

ขิง ช่วยทำให้อุณหภูมิในร่างกายเหมาะสม อุณหภูมิในร่างกายของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส แต่หากอุณหภูมิในร่างกายของเราลดลงต่ำกว่า 37 จะทำระบบการย่อยหรือการเผาผลาญพลังงานไม่สมบูรณ์ ทำงานได้ไม่เต็มที่ การดื่มน้ำขิงจะเข้าไปช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้กลับเข้าที่เข้าทางทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไปได้มากขึ้น

จากสรรพคุณที่มากมายของขิง ทั้งช่วยเรื่องวิงเวียน แก้คลื่นไส้อาเจียน แก้เมารถเมาเรือ ช่วยเรื่องการไหลเวียนของน้ำนมแม่ รวมถึงช่วยเผาผลาญไขมันลดคอเลสเตอรอลได้ อีกทั้งยังช่วยควบคุมความดันโลหิต และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้อีกด้วย!!

ประโยชน์มากมายขนาดนี้ มีขิงผงชงพร้อมดื่มไว้ติดบ้านไว้บ้างก็ดีนะคะ ^^

————————
#ขิงผงจินเจน
#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
#ชงดื่มดีมีประโยชน์
#ปรุงอาหารก็อร่อย
ช้อปออนไลน์ได้ที่: https://shop.gingen.com

Cr: medthai.com

“โรคหัวใจ” สถิติตายอันดับ 1…รู้ทัน ป้องกันได้

“โรคหัวใจ” อันตราย แต่ป้องกันได้!!
.
คุณเคยมีอาการชาตามมือและขา หรือแขนขามีอาการอ่อนแรง มือเท้าเย็นหรือบางทีก็บวมมั้ยคะ?
.
อาจจะเป็นได้ว่ามันเกิดจากระบบไหลเวียนเลือดของคุณไม่ดี และอาจเพิ่มระดับความรุนแรงได้ถึงขั้นกลายเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคเลือดสมองก็เป็นได้
.
วันนี้จินเจนเลยเอาวิธีการง่ายๆมาช่วยให้ระบบไหลเวียนของเราดีขึ้น ลองไปดูกันได้เลยค่ะ ^^

  1. เดิน เพราะเลือดที่นำพาทั้งออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงทุกเซลล์ทั่วร่างกายจำเป็นต้องไหลกลับหัวใจเพื่อฟอกรับออกซิเจนใหม่ และมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เลือดจะไหลจากที่ต่ำขึ้นมายังช่วงอกได้ การเดินนั้นจึงเป็นเหมือนกับการเปิดเครื่องปั้มน้ำ มันจะช่วยให้หัวใจสูบฉีดให้เลือดไหลเวียนได้ดีและง่ายขึ้น ดังนั้นเราจึงควรพยายามเดินระหว่างวันให้มาก ทั้งเดินไปกินข้าว ซื้อของ ขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟท์ รวมทั้งขยับและเคลื่อนไหวร่างกายในออฟฟิศอย่างกระฉับกระเฉง อย่ามัวเอาแต่นั่งหน้าจอทั้งวันนะคะ
  1. หันมาออกกำลังกายจริงจัง การออกกำลังกายจะช่วยปรับปรุงการไหลเวียนเลือดได้ดีขึ้น ไม่จำเป็นจะต้องไปเข้าฟิตเนสให้เสียเงินมากมายก็ได้นะคะ แค่ท่ากายบริหารไวเด็กที่คุ้นเคย เอามาทำเป็นเซ็ทอย่างจริงจัง เคลื่อนไหวให้ครบทุกส่วน แค่นี้ก็ใช้ได้แล้วหล่ะค่ะ
  1. ลดการกินเค็ม เพราะอาหารเค็มจะทำให้ความดันโลสูง แถมยังทำให้การไหลเวียนเลือดแย่ลงอีกด้วย
  1. ยกขาขึ้นสูง ในแต่ละวัน ลองหาเวลานอนลงกับพื้น ปูเสื้อโยคะหรือผ้ารองนุ่มๆยกขาขึ้นสูง ถ้าไม่ถนัดก็อนุญาตให้นอนใกล้ผนังได้ แล้วยกขาพิงกับผนังทิ้งไว้อย่างนั้นวันละ 20 นาที
  1. ดื่มน้ำวันละ 1.5 – 2.5 ลิตร คนส่วนใหญ่ดื่มน้ำทั้งวันแค่ 2 – 3 แก้ว ซึ่งมันไม่เพียงต่อที่ร่างกายต้องการเลย เพราะมันจะทำให้เลือดข้นหนืด เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ถ้าไม่อยากกินยาละลายลิ่มเลือดหล่ะก็ ต้องดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้วให้ได้นะคะ
  1. ลดความเสี่ยงด้วยพฤติกรรมไม่ดี เช่น การดื่มหนัก สูบบุหรี่จัด ดื่มแต่น้ำอัดลม หรือการกินอาหารที่ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพเลย

#Gingen #ห่วงใยคุณ
#สุขภาพดีสร้างได้
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย
ช้อปจินเจนออนไลน์ที่ >> shop.gingen.com

9 สิ่งที่ทำแล้วชีวิตดี ก่อนปีใหม่

เคล็ดลับง่ายๆแค่ 9 ข้อ ที่อยากจะบอก ถ้าทำได้ ชีวิตดีแน่นอน

1. การทบทวนสิ่งต่างๆที่ได้ทำมาตลอดปี การทบทวนสิ่งต่างๆที่ได้ทำมาตลอดปี ว่าได้กระทำอะไรไปบ้าง ทั้งสิ่งที่ดี สิ่งที่ทำสำเร็จ รวมถึง สิ่งที่ไม่ดี และ สิ่งที่ล้มเหลว เพื่อนำมาปรับปรุง พัฒนาตัวเอง ให้ดียิ่งขึ้น และ เบียดเบียน สร้างความทุกข์ให้กับคนอื่นน้อยลง

2.กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่าปีหน้าจะทำอะไรบ้าง อย่างไร ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ตื่นเต้น และสนุกมาก กับการตั้งเป้าหมายในปีถัดไป ในทุกๆ เรื่อง บางเรื่องอาจจะต่อเนื่องจากปีที่แล้วก็ได้ ว่าเป้าหมายของเราคืออะไร ? เรื่องง่ายๆ เช่น จะนอนวันล่ะ 8 ชั่วโมง ออกกำลังกายทุกกวันวันล่ะ 1 ชั่วโมง หรือจะหาทีมเพิ่ม หรือจะสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น อ่านหนังสือวันล่ะกี่เล่ม หรือเรียนสัมมนาอะไรบ้าง ?(เรียนภาวะผู้นำสิ สร้างผลลัพธ์ได้เยอะเลย 5555) เป็นต้น  และคุณก็จดบันทึกเป้าหมายใหม่ตรงนั้น ลงในสมุด กระดาษ หรือในที่ๆคุณจะเห็นมันทุกวัน

3.จัดบ้าน หรือจัดโต๊ะทำงานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงานที่บ้านหรือที่ออฟฟิศก็ตาม นับว่าเป็นที่ที่เราใช้เวลากับมันมากพอสมควร ซึ่งแน่นอนว่าถ้าไม่เคลียร์ออกไปก็จะทำให้บ้าน หรือโต๊ะเรายิ่งดูรกกว่าเดิมไปเรื่อยๆ ทางที่ดีลองใช้เวลานี้เคลียร์ให้บ้านสะอาด โต๊ะโล่งๆ เป็นแรงบันดาลใจให้กับเราได้รู้สึกดีๆ ก่อนจะเริ่มต้นทำงานปีหน้า

4. อย่าละเลยการออกกำลังกาย . แม้จะรูปร่างดีอยู่แล้ว หรือวุ่นกับงานมากๆ ก็ไม่ควรหยุดออกกำลังกายนะคะ และถ้าหาเวลาว่างยาก ลองปรับเวลาออกกำลังกายเป็นเวลาที่สะดวกและทำได้ทุกวัน ซึ่งก็คือหลังตื่นนอนตอนเช้า เพราะจะกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานแต่เช้า และไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเวลาระหว่างวันด้วย นอกจากนี้ การเดินหรือร่วมกิจกรรมในงานเลี้ยงก็ถือเป็นการออกกำลังกายเบาๆ หรือการเต้นก็ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีเช่นกัน

5. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลังจากที่กินตามใจปากมามากทั้งปีแล้ว ปีใหม่นี้ก็ได้ฤกษ์กลับมาดูแลตัวเองเสียที ไม่ว่าจะทำกินเองที่บ้านหรือกินเลี้ยงข้างนอกก็ตาม เคล็ดลับคือเลือกตักอาหารพวกผัก ผลไม้ หรือถั่วเป็นหลัก เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารแล้ว อาหารประเภทกากใยจะยังทำให้เราอิ่มไวขึ้นด้วยค่ะ

6.. ตรวจสุขภาพประจำปี ไม่ว่าเราจะอายุ 18 หรือ 80 ปี เราก็จำเป็นต้องไปตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจคอเลสเตอรอล ความดันโลหิต มะเร็งปากมดลูก เบาหวาน หรือภาวะผอม หรืออ้วนเกินไป รวมไปถึงการตรวจสายตาและตรวจสุขภาพฟัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกมั่นใจไปได้ตลอดทั้งปี ว่าเรามีสุขภาพดี หรือหากเราพบปัญหาทางสุขภาพปัญหาใดปัญหาหนึ่ง เราจะได้แก้ไขได้ทันเวลาโดยที่สายเกินไป

7.ใช้เวลากับเรื่องไร้สาระให้น้อยลง . เดี๋ยวนี้ในโลกโซเชียลมีประเด็นดราม่า และข่าวกอสซิปให้เราได้ติดตามมากมาย คนนู้นคนนี้เลิกกัน ดาราตีกัน ดาราแต่งตัวโป๊ เรื่องพวกนี้เม้าท์กันเพลินๆ ก็สนุกปากดีค่ะ แต่อย่าไปใช้เวลา หรืออินกับมันมากเกินไปนัก ชีวิตยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ

8.ให้ความสำคัญกับการสร้างความสุขให้ตัวเอง ความต้องการของคุณมันเป็นสิ่งสำคัญเสมอเช่นเดียวกับคุณค่าของตัวคุณ ถ้าคุณยังไม่ให้คุณค่ากับตัวคุณเองแล้วใครจะมาให้แทนได้อีก? จงจำไว้ว่าคุณสามารถหาทางให้ความสุขกับตัวคุณเองในขณะที่ยังสามารถแคร์คนรอบข้างคุณได้ ไม่ใช่เอาแต่แคร์คนอื่นจนไม่ให้ความสุขตัวเอง

9. รู้จักให้อภัยคนรอบข้าง และแบ่งปันความสุข คนที่เคยทำให้เราขุ่นเคืองใจ โกรธ หรือเคียดแค้น จากนี้เราก็จงให้อภัยเขา อย่าเอามันมาเป็นกำแพงในการสร้างความสุขของเรา แล้วมาเริ่มต้นกับปีใหม่ เอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับหมั่นสำรวจความคิดและความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอ ช่วงไหนทุกข์หรือเครียดมากเกินไป ก็ควรรีบหาทางออกจากภาวะนั้นโดยเร็วที่สุด และเมื่อมีความสุขแล้วก็อย่าลืมแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ให้แก่คนรอบข้างด้วยนะคะ ความสุขยิ่งแบ่งปันไปมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งกลับเข้ามาหาเราแบบทวีคูณค่ะ

———————————————————

สามารถหาซื้อน้ำขิงจินเจนได้แล้วที่ shop.gingen.com

#Gingen #จินเจน #ขิงผงจินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน #ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย

“ผู้สูงอายุ” กับ “5 โรคยอดฮิต”

#ได้เวลาสำรวจตัวเองหรือผู้สูงอายุในครอบครัว ก่อนที่อะไรจะสายเกินไป…

มาเตรียมความพร้อมในด้านความรู้ ข้อมูล หรือวิธีการดูแลเกี่ยวกับผู้สูงอายุกันนะคะ กับ “5 โรคยอดฮิต ของผู้สูงอายุ” หวังว่าจะมีประโยชน์กับหลายๆท่านนะคะ

1. โรคซึมเศร้า

เป็นอาการเจ็บป่วยทางจิตใจที่สำคัญซึ่งไม่อาจมองข้ามได้ เพราะโรคซึมเศร้าเป็นสาเหตุหนึ่งของการฆ่าตัวตาย
……………………..……………………..…………

สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า
– การเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทในสมอง
– โรคทางกายบางอย่างการได้รับยาหลายขนานที่ทำให้เกิดอาการเศร้า
– การสูญเสียสิ่งที่มีค่าในชีวิต เช่น คู่ชีวิต หรือการงานโดยการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น การเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ต้องมาเป็นผู้ตาม เป็นต้น
……………………..……………………..…………

ทำอย่างไรให้ห่างไกลโรคซึมเศร้า
– หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียว
– พยายามปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นในวัยนี้
– ทำกิจกรรมหรืองานอดิเรก รวมทั้งทำกิจกรรมเข้าสังคมร่วมกับผู้อื่น
– หากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

2.โรคกระดูกพรุน


เป็นโรคที่พบในผู้สูงอายุทุกคน อันมีสาเหตุสำคัญจากการทำงานของฮอร์โมนที่ลดลง
……………………..……………………..…………
สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน
– ไม่ได้รับแคลเซียมเพียงพอ
– กรรมพันธุ์
– การใช้ยาสำหรับโรคบางอย่างทำให้เกิดการลดความหนาแน่นของกระดูก เช่น ยาคอร์ติโซน สำหรับโรคไขข้ออักเสบ ยาเฮปาริน สำหรับโรคหัวใจและความดันโลหิต
– การสูบบุหรี่หรือดื่มสุราเป็นประจำ
– ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ดื่มชา หรือกาแฟ ซึ่งมีผลทำให้กระดูกเสื่อมง่าย
– ฮอร์โมนลดลง เช่น ในหญิงวัยหมดประจำเดือน
– ขาดการออกกำลังกาย
– ขาดวิตามินดี เพราะในวิตามินดี มีความจำเป็นในการดูดซึมแคลเซียมไปใช้
……………………..……………………..…………
ทำอย่างไรให้ห่างไกลโรคกระดูกพรุน
– ออกกำลังกายเป็นกิจวัตร
– เมื่อมีความเจ็บปวดไม่ว่าสาเหตุใด ควรรีบทำกายภาพบำบัดหรือเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายให้เร็วที่สุดเท่าที่สภาพร่างกายจะเอื้ออำนวย
– ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงเช่นปลากระป๋องปลาเล็กปลาน้อยหรือดื่มนมพร่องมันเนยผักผลไม้เป็นต้นมา
– งดดื่มสุราและงดสูบบุหรี่
– หลีกเลี่ยงการซื้อยารับประทานเอง เช่น ยาลูกกลอน เพราะมันจะมีสารสเตียรอยด์สะสมอยู่จะทำให้กระดูกพรุนโดยไม่รู้ตัว

3. โรคข้อเสื่อม

เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่กระดูกอ่อนผิวข้อเป็นหลัก โดยมากเป็นตำแหน่งข้อ คือ มีอาการปวดและมักเป็นหลังจากที่มีการใช้ข้อมากกว่าปกติ อาจมีอาการเจ็บด้านใดด้านหนึ่งของข้อได้ หรืออาจมีอาการบวมแดง แต่เมื่อได้พักอาการปวดก็จะลดลงหรือหายไป แต่อาการจะเป็นๆหายๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งานข้อนอก จากนี้ยังมีอาการข้อฝืดเกิดขึ้นจากการหยุดการเคลื่อนไหวข้อเป็นเวลานาน เช่น นั่งท่าเดียว นั่งสมาธิและนั่งพับเพียบฟังเทศน์ เป็นต้น
……………………..……………………..…………
สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เป็นโรคข้อเสื่อม
– อายุมากขึ้น
– พันธุกรรมและโรคทางเมตาโบลิค เช่น โรคเก๊าท์
– เป็นโรคที่ทำให้เกิดข้ออักเสบ เช่น โรคข้อ รูมาตอยด์ หรือข้ออักเสบติดเชื้อ
– การได้รับบาดเจ็บของข้อ อาจมีการเคลื่อนไหวข้อซ้ำๆ หรือมีน้ำหนักที่กดทับลงผิดข้อ ก็มีโอกาสเกิดข้อเสื่อมได้
– อาชีพการงานที่มีการใช้นิ้วมือมาก
– ความอ้วน พบว่า คนอ้วนมีโอกาสเกิดโรคข้อเสื่อมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเพศหญิง ซึ่งมักเป็นที่ข้อรับน้ำหนัก เช่น ข้อเข่า เป็นต้น
– กล้ามเนื้อต้นขาเหนือเข่าอ่อนแรงหรือลีบ จะมีโอกาสเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมสูงขึ้น
……………………..……………………..………….
ทำอย่างไรให้ห่างไกลโรคข้อเสื่อม
– หมั่นออกกำลังกาย บริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
– การนั่งส้วมไม่ควรนั่งยอง ควรปรับเปลี่ยนเป็นชักโครก หรือหาม้าสามขา มาคร่อมบนส้วมซึม
– ไม่ควรนั่งกับพื้น หรือทำกิจกรรมที่ต้องก้มเป็นเวลานาน
– หลีกเลี่ยงการขึ้นบันไดหรือที่สูงชัน
– หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
– หากมีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วน ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอ

4 .เวียนศีรษะ

เป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยมากอาการมักเป็นๆหายๆ บางครั้งอาจจะมีอาการบ้านหมุน คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งสาเหตุของอาการเวียนศีรษะนั้นเกิดจากปัจจัยที่เกี่ยวกับการควบคุมการทรงตัวของร่างกาย องค์ประกอบไปด้วย อวัยวะทรงตัวในหูชั้นในการมองเห็น ระบบประสาท ตลอดจนสมองน้อยที่ควบคุมการทรงตัว ระบบกล้ามเนื้อ และข้อต่อ
……………………..……………………..…………
สิ่งกระตุ้นอื่นๆที่ทำให้สูญเสียการทรงตัวเร็วขึ้น
– โรคที่มีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันสูง หรือโรคหัวใจ ที่ทำให้เกิดการตีบของหลอดเลือด เลือดจึงไหลไปเลี้ยงอวัยวะทรงตัวหูชั้นในได้ไม่ดี หรือไปเลี้ยงสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัวได้ไม่เพียงพอ
– โรคที่มีผลต่อการทำงานของระบบประสาทรับความรู้สึก เช่น โรคเบาหวาน โรคไตวาย ฯลฯ
– โรคที่มีผลต่อกล้ามเนื้อและกระดูก เช่น ข้อเสื่อม หรือเคยมีกระดูกหักมาก่อน ฯลฯ
– โรคของหูต่างๆ อาจทำให้ผมทำงานแย่ลง เช่น โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
– โรคอื่นๆ เช่น โรคต่อมไทรอยด์
……………………..……………………..…………
ทำอย่างไรเมื่อรู้สึกเวียนศีรษะไม่หาย
– อันดับแรกต้องหาสาเหตุให้พบก่อนว่าเกิดจากอะไร โดยการไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
– สำหรับผู้ที่มีอาการเดินเซ เวียนศีรษะ ไม่ควรให้นั่งหรือนอนอยู่เพียงอย่างเดียว แต่ควรได้เดินไปทำกิจวัตรประจำวันด้วย แต่ต้องมีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และไม่ควรพยุงดวงตลอดเวลา เพราะจะทำให้ผู้สูงอายุไม่สามารถเดินเองได้ต่อไป

5 .โรคสมองเสื่อม

เป็นโรคที่มักพบในผู้สูงอายุที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งแก้ไขได้ เช่น เกิดจากการขาดสารอาหารบางชนิด หรือ แก้ไขไม่ได้ เช่น โรคอัลไซเมอร์
……………………..……………………..……..
ผู้ที่อาจเป็นโรคสมองเสื่อมจะมีอาการ
มักลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นใหม่ๆ มาไม่นาน ขณะที่ความจำเรื่องเก่าในอดีตยังดีอยู่ ทำสิ่งที่เคยทำเป็นประจำไม่ได้ มักถามซ้ำๆ ในเรื่องที่เพิ่งบอกไป สับสนเรื่องวัน เวลาสถานที่ พฤติกรรม อารมณ์ และบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงจากเดิม

จริงอยู่ที่ว่าอาการหลงลืมมากเป็นเรื่องปกติของผู้สูงอายุและอาจไม่ได้เป็นโรคสมองเสื่อม แต่หากรู้สึกว่ามีอาการที่น่าสงสัยเหล่านี้ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีป้องกันและรักษาทันท่วงที
……………………..……………………..……..
ทำอย่างไรให้ห่างไกลโรคสมองเสื่อม
– งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
– ระวังการใช้ยาเอง ควรให้แพทย์เป็นผู้สั่งยาทุกครั้ง และควรนำยาที่รับประทานเป็นประจำไปให้แพทย์ดูเพื่อกันการสั่งยาซ้ำซ้อน
– หมั่นไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และเจาะเลือดตรวจหาประวัติและไขมันในเลือดสูง
– ออกกำลังกายเป็นประจำ
– หากิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลายความตึงเครียดและชะลอภาวะสมองเสื่อม เช่น ดนตรีบำบัด เต้นรำ เล่นเกมฝึกสมอง กลิ่นบำบัด และการออกกำลังกายที่ฝึกความสำพันธ์ของร่างกายและการสั่งงานของสมองซีกซ้ายและขวา
ผู้ดูแลต้องมีความอดทนและมีความยืดหยุ่นกับการดูแลผู้ป่วยโรคนี้เป็นอย่างมาก เพราะผู้สูงอายุที่เป็นโรคนี้จะมีขีดจำกัดหลายด้าน เช่น หิวอาหารไม่เป็นเวลา เดินช้า พูดช้า ตัดสินใจช้าและต้องให้กำลังใจผู้สูงอายุ อย่าดุด่าว่ากล่าวให้ท่านเกิดความท้อแท้และหมดกำลังใจ
……………………..……………………..………….
เทคนิคพัฒนาความจำ
– ตั้งสมาธิกับสิ่งที่ทำและพยายามนึกสร้างภาพในใจเมื่อต้องจดจำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
– เลือกจำเพาะข้อมูลที่สำคัญแล้วที่จำเป็นเท่านั้น
– พกสมุดบันทึกติดตัวตลอดเวลา

สุดท้ายขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรง หมั่นออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ ดูแลสุขภาพของตัวเองอยู่เสมอนะคะ

#ด้วยความห่วงใย
#Gingen
#ขิงผงจินเจน
#ชงดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย

ช้อปออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ >> https://shop.gingen.com
Inbox: m.me/gingenthailand
Line: https://lin.ee/lP2ryBp
หรือ 📱 028609788

Cr.สสส.

แซ่บมาก! สาวออฟฟิศ อายุ36 เผยเคล็ดลับ ปั้นหุ่นสวยภายใน 3 เดือน!!

เรื่องจริงของสาวออฟฟิศ ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เจ้าของกระทู้เด็ดพันทิป “คุณไปร์ท” สมาชิกหมายเลข 3747687 เว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มารีวิวลดน้ำหนักด้วยตัวเองตอนอายุ 36 ปี ด้วยความรู้ ความเข้าใจ และที่สำคัญความตั้งใจ ถ้าอ่านจบแล้วเชื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้สาวๆหลายคนในการหันมารักตัวเองได้แน่นอนเลยค่ะ

รีวิวลดน้ำหนัก

เมื่อชะนีออฟฟิศ สุดขี้เกียจ !! อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปั้นหุ่นแซ่บ สไตล์สาวออฟฟิศ อายุ 36 (18+)

No Gym / NO Trainer

          ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะคะว่า เราไม่ได้อ้วนมากถึงขนาดร้อยโล หนักสุด 60 โล แต่ตลอดชีวิตเราใช้วิธีการลดน้ำหนักที่ผิดมาตลอดค่ะ โดยการอดอาหาร กับกินยาถ่ายทุกวัน วันละเกือบจะ 10 เม็ด (สิ่งนี้ทำให้ปีที่แล้วเราต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการผ่าตัด แต่ขอไม่พูดถึงรายละเอียดนะคะ) น้ำหนักตัวเราสวิงมาก อ้วน ๆ ผอม ๆ จนร่างกายเผละ เนื้อเหลว หน้าตาไม่สดใส หมอง ๆ โทรม ๆ

ป.ล. กระทู้นี้อาจจะยาวเพราะอยากบอกอย่างละเอียด และมีรูปเซ็กซี่นะคะ  ใครไม่ชอบกดผ่านได้ค่ะ  ด่าได้แต่อย่าแรงนะคะ ถึงแก่แล้วแต่เค้าก็อ่อนไหวน้า

          สวัสดีค่ะ แนะนำตัวก่อนนิดนึง ชื่อ ไปร์ทนะคะ อายุเดือนนี้ 36 แล้วเลยคิดว่า เดือนเกิดอยากจะมาแชร์อะไรเผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ แค่คนคนหนึ่ง เห็นว่าเป็นประโยชน์เราก็ดีใจมาก ๆ แล้วค่ะ

รีวิวลดน้ำหนัก

          ดูความเปลี่ยนแปลงก่อนนะคะ ตั้งแต่ Week 0 ที่เริ่ม start  ไปร์ทหนัก 55 kg. ถึง Week ที่ 11 หนัก 48 kg.

รีวิวลดน้ำหนัก

          เป้าหมายของหลาย ๆ คนอาจจะเป็นการลดน้ำหนัก แต่เป้าหมายของเราคือการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ให้มาเป็น Healthy lifestyle อาจมีหลาย ๆ คนสงสัย ทำไมถึงอยากเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เรามาดูกันว่า ไลฟ์สไตล์ก่อนมาเป็น สาย Healthy lifestyle ของไปร์ทเป็นยังไงค่ะ

1. ตอนเช้าไม่อยากตื่นไปทำงาน ตื่น 8 โมงเช้า เข้างาน 9 โมง ทุก ๆ เช้า ตื่นมาจะรู้สึกว่า ลางานดีไหมไม่อยากไปทำงาน

2. ตอนเย็นถึงบ้าน สองทุ่มครึ่งทุกวัน นั่งเล่นเน็ตจนเที่ยงคืน แล้วนอน วนเวียนไปแบบนี้ทุกวัน

3. ทานแต่อาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ ไม่ค่อยกินข้าว กินแต่ขนมถุง หนังไก่ทอดนี่ของชอบ กินน้ำหวาน กาแฟ วันละ 2-3 แก้วต่อวัน  ไม่ค่อยดื่มน้ำเปล่า ผัก-ผลไม้ไม่ต้องพูดถึง กินน้อยมาก

4. นั่งทำงานทั้งวัน ลุกเดินแค่ไปห้องน้ำ กับไปกินข้าวกลางวัน

5. ออกกำลังกายหรอ ??? บ้าหรออออ !!! จะเอาเวลาที่ไหน กลับบ้านเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

6. นอนเที่ยงคืน บางคืนก็ตีหนึ่ง

7. พอน้ำหนักขึ้น สามารถอดข้าวได้เป็นสัปดาห์ ๆ กินแต่น้ำ เพื่อลดน้ำหนัก รวมทั้งกินยาถ่ายทุกวันวันละ 10 เม็ด

แล้วชีวิตก็วนเวียนอยู่แบบนี้ จนอายุล่วงเลยมาถึง 36 ปี รู้สึกไม่ค่อยมีแรง หน้าโทรม ๆ ไม่มีชีวิตชีวา ไม่สดใส สภาพร่าง ณ ช่วงเวลาที่ใช้ชีวิต แบบนี้ “เผละ” โดยการอดอาหาร ไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักขึ้น ๆ ลง ๆ อ้วน ๆ ผอม ๆ แต่หน้าท้องบวมตลอด

รีวิวลดน้ำหนัก

          เปลี่ยน – (Your life does not get better by CHANCE, It gets better by CHANGE)

รีวิวลดน้ำหนัก

           จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง อย่างที่บอกเลยค่ะ แต่ก่อน ถ้าน้ำหนักเราขึ้น เราจะอดข้าว สามารถอดได้ต่อเนื่องกันเป็นสัปดาห์ ๆ กินแต่น้ำ ตอนเด็ก ๆ ยังไม่ 30 มันก็ลดนะคะ อดวันนึง ลด 2 โล พอ 30+ เท่านั้นแหละค่ะท่านผู้ชมมม…อดข้าว 2 สัปดาห์ มันลด 1 โล  และตรงนี้แหละค่ะทำให้เราเริ่มรู้สึกว่า เราน่าจะมาผิดทาง นี่เราอดข้าว ถึง 2 สัปดาห์ มันต้องลดอย่างน้อย 3-5 โล ก็ยังดี นี่ลด 1 โล มันต้องผิดทางแน่ ๆ (เพิ่งมารู้ตอนหลัง ว่านี่คือร่างกายเข้าสู่ระบบเผาผลาญพัง)

รวมถึงปีที่แล้ว ไปร์ทต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องนอนโรงพยาบาล เราเริ่มคิดว่าเราควรใส่ใจสุขภาพให้มากกว่านี้ เราเริ่มหาข้อมูลใน พันทิป, Google ว่ามันมีไหมวิธีที่ลดความอ้วนอย่างยั่งยืน มีความสุข สุขภาพดี เจอแต่กระทู้กินคลีน กับออกกำลังกาย ตอนนั้นก็ยังคิดนะคะว่า ไม่น่า…มันต้องมีวิธีอื่นสิ คิดว่าเราทำไม่ได้หรอก ไม่มีเวลา กินคลีนมันไม่อร่อย แพง มันน่าเบื่อ ทั้งที่ไม่เคยกิน ฮ่า ๆ ทำไม่ได้ ๆๆ บลา ๆๆๆ สารพัดข้ออ้าง

FIT FORMULA = EAT WELL 80% + EXERCISE 20%

          จนเราไปเจอ คลิป youtube ของนางแบบ Victoria Secrets ดูการใช้ชีวิตของนาง มามองดูชีวิตเรา เราเริ่มมีคำถามกับตัวเอง เราอยากเป็นคนที่เราเป็นตอนนี้ จริง ๆ เหรอ เรารักตัวเองจริง ๆ รึเปล่า ?? เราเกิดมาเพื่อ นั่ง ๆ นอน ๆ ทำงานซังกะตาย แล้วป่วยตายจากโลกนี้ไป คือชีวิตมันต้องเป็นอย่างนี้เหรอ แล้วคนรอบข้างเราส่วนใหญ่ก็ใช้ชีวิตแบบนี้แทบจะ 80% !
จบคำถาม เราบอกตัวเองเลยค่ะเราต้องเปลี่ยน และเราก็เริ่มทำในวันถัดมาเลยค่ะ เราไม่รู้หรอกนะว่าเราจะทำได้ไหม แต่เราไม่อยากมีชีวิตอย่างที่ผ่านมา เราอยากลองรักร่างกายของเราสักครั้ง สัปดาห์แรก ๆ ยากเหมือนกัน เพราะเหมือนเป็นสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน แต่พอผ่าน 2 สัปดาห์ไปแล้วร่างกายเริ่มชิน เริ่มรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่เราต้องทำ ไม่ต้องฝืนแล้วค่ะ สิ่งแรกที่ทำคือ
1. จากตื่น  8 โมงเช้า เป็นตื่น 6 โมงเช้า หลังจากตื่นจะดื่มน้ำ 1 แก้วใหญ่ แล้วออกกำลังกาย ประมาณ 15 นาที โดยเล่นหน้าท้องเป็นหลัก จากนั้นจะทำอาหารเช้าและอาหารกลางวันเพื่อเตรียมไปกินที่ออฟฟิศ แล้วค่อยอาบน้ำ แต่งหน้า แต่งตัว แล้วไปทำงานค่ะ
2. ตอนเย็น กลับมาถึงบ้านสองทุ่มครึ่ง ออกกำลังกายก่อนเลยค่ะ 30-45 นาที (เน้นขา/แขน) หลังจากออกกำลังกายเสร็จก็มาหั่นผัก หั่นไก่ เตรียมของไว้สำหรับทำอาหารพรุ่งนี้
3. เข้านอน ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน จริง ๆ พยายามนอนก่อนห้าทุ่ม แต่ข้อนี้ทำยากจริง ๆ ค่ะ ถ้าทำได้จะดีมาก เพราะการนอนพักผ่อนสำคัญยิ่งกว่าการกินและการออกกำลังกายอีกค่ะ
แล้วชีวิตก็วนเวียนลูปนี้มาได้ 3 เดือนแล้วค่ะ จะบอกว่าเดี๋ยวนี้เราไม่รู้สึกไม่อยากตื่นนอนมาทำงานแล้วค่ะ เพราะตอนนี้ชีวิตเรามีอย่างอื่นให้โฟกัส ไม่ใช่แค่เรื่องงานอย่างเดียว ทุกครั้งที่ตื่น เราจะคิดถึงการออกกำลังกาย กับการทำอาหาร เลยทำให้เราอยากตื่นมาออกกำลังกาย มาทำอาหารทุกวันเลย เราชอบมาออฟฟิศ เพราะไม่เปลืองน้ำที่บ้านเรา ฮ่า ๆ แบบดื่มน้ำเยอะมาก เราเพิ่งรู้ว่าเรารักการทำอาหาร เรามีความสุขกับการนั่งคิดว่า วันพรุ่งนี้เราจะทำอะไรกินดี มีความสุขกับการดูหุ่นตัวเองที่เปลี่ยนไปในแต่ละสัปดาห์ เราเริ่มรู้จักคำว่ารักตัวเองจริง ๆ ก็ตอนนี้

INSANITY DOING THE SAME THING OVER AND OVER AGAIN AND EXPECTING DIFFERENT RESULTS

รีวิวลดน้ำหนัก

          เกริ่นมาเยอะ คราวนี้มาดูวิธีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายของเรากันเลยค่ะ
1. ตั้งเป้าหมาย (Dreams don’t come true Goal Do !!!)

สิ่งแรกที่ต้องทำและสำคัญมาก หาหุ่นในฝันก่อนเลยค่ะ รูปนางแบบ หุ่น แบบที่เราอยากได้ ของไปร์ทคือคนนี้ค่ะ เราไม่อยากผอม เราอยากได้มีน้ำมีนวลมีความ Feminine อยู่ ฟิต ๆ มี กล้ามท้อง แบบคนในรูปนี้เลยค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เริ่มต้นด้วยการ set goal นะคะ ถ้าเราไม่ set เราจะเดินสะเปะสะปะ เป้าของเราคือ เราต้องมีหุ่นแบบนี้ภายใน 6 เดือน

รีวิวลดน้ำหนัก

          ป.ล. เดี๋ยวตอนท้ายจะมาเฉลยนะคะว่า ผ่านมา 3 เดือน แล้ว หุ่นไปร์ทปัจจุบัน (Week 12) เปรียบเทียบกับหุ่นเป้าหมาย แล้วเป็นยังไงบ้าง ติดตามชมกันนะคะ
2. คำนวณ BMR & TDEE
สิ่งที่สองที่ต้องทำ คำนวณพลังงานที่ใช้ต่อวันในภาวะร่างกายปกติ ด้วยสูตร BMR (พลังงานพื้นฐานในการใช้ชีวิต) และ TDEE (พลังงานที่คุณใช้ในแต่ละวัน)  เว็บนี้เลยค่ะ http://www.bt-50.com/app.php?app=calculate_bmr_tdee ของไปร์ทคำนวณได้ตามรูปข้างล่างเลยค่ะ ดังนั้นไปร์ทจะคุมแคลฯ ต่อวัน ให้อยู่ระหว่าง 1,300-1,500 ไม่เกินนี้ค่ะ ช่วงลดน้ำหนัก  ช่วงเมนเทน ไปร์ทกินอยู่ที่ 1,500-1,600

รีวิวลดน้ำหนัก

          https://www.healthline.com/nutrition/how-many-calories-per-day
ลิงก์นี้มีประโยชน์มาก ๆ ค่ะ จะคำนวณว่าเราควรจะกินเท่าไร เพื่อ maintain/lose/lose fast   ค่ะ ของไปร์ทคำนวณแล้วจะได้ตามรูปด้านล่างเลยค่ะ อันนี้น่าจะใช้ฐาน เป็น BMR นะคะในกรณีที่เราไม่ออกกำลังกายเลย แต่ถ้าเราออกกำลังกายด้วย ไปร์ทว่าเรากินให้แคลอยู่ระหว่าง BMR กับ TDEE จะดีที่สุดค่ะ

รีวิวลดน้ำหนัก

3. คุมอาหาร 80% (Eat for the body you want not the body you have)
ไปร์ทเริ่มทำอาหารทานเอง เพราะควบคุมแคลอรีได้ง่ายกว่า และเพื่อสุขภาพด้วยค่ะ อาหารไม่คลีน 100% นะคะ เน้นอร่อย และมีประโยชน์ ไปร์ทไม่นับแคลฯ นะคะ แค่ประมาณเอา
– ใช้น้ำมันสเปรย์

– ใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล

– งดของทอด/ของหวาน

– ลดเค็ม เพราะทำให้ตัวบวมน้ำ ไปร์ทไม่ค่อยซีเรียสเรื่องกินเค็มเท่าไร แก้ได้โดยการดื่มน้ำเยอะ ๆ แต่กินมาก ๆ ไม่ดี นะคะไตพัง

– ใส่ใจเรื่องแคลอรีอาหารที่กินอย่าให้ต่ำกว่า BMR และสูงเกิน TDEE

– กินอาหารให้ครบ 5 หมู่

– เลือกทานแป้งขัดสีดีกว่า

– เลือกทานไขมันดีจากอัลมอนด์ อะโวคาโด เนยถั่ว ปลาแซลมอน

– เปลี่ยนมากินอเมริกาโน่เย็นไม่ใส่น้ำตาล

– ดื่มน้ำเยอะ ๆ ช่วยได้มากจริง ๆ ในเรื่องของการเผาผลาญและเรื่องผิว

– ในช่วง 2 เดือนแรก ไม่มีชีทมีลเลยค่ะ และแนะนำคนที่เริ่มคุมอาหารว่าอย่าเพิ่งมีชีทมีลจะดีกว่าค่ะควรให้ร่างกายเคยชินกับการทานอาหารแบบเฮลธ์ตี้ก่อน ไม่งั้นโอกาสหลุดจะมีสูงมาก ๆ ค่ะ

– ห้ามอดอาหารหรือกินน้อยกว่า BMR เด็ดขาดนะคะ เพราะโอกาสโยโย่สูงมากค่ะ

– งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ แต่ไปร์ทดื่มบ้างนะคะ เสาร์-อาทิตย์ เวลาไปเดตค่ะ (ถึงโสด แต่คิวแน่นตลอดนะคะ ฮี่ ๆ)

 

          ตัวอย่างอาหารที่ทำค่ะ ไม่คลีน 100% นะคะ แต่สุขภาพดีทุกเมนู แน่นอนค่ะ – Eating well is a form of self-respect

รีวิวลดน้ำหนัก

          ชีวิตขาดหวานไม่ได้ ? ความหวานเราได้จากหลายแหล่งนะคะ จากกล้วย, อินทผาลัม, หญ้าหวาน, น้ำผึ้ง คิดจะกินหวาน กินหวานที่มาจากธรรมชาติ ไม่ผ่าน Process ดีกว่าค่ะ ไปร์ทดื่มโกโก้ร้อนทุกเช้า ใครว่า diet จะกินโกโก้ไม่ได้  (โกโก้มีประโยชน์มากนะคะ สิ่งที่ทำให้อ้วนคือน้ำตาล) โกโก้ของไปร์ทจะใช้นมอัลมอนด์ unsweetened + cacao unsweet powder รวมแล้วแก้วหนึ่งประมาณ 50 แคลฯ ค่ะ  แค่เลือกสักนิด ชีวิตก็เปลี่ยนค่ะ

รีวิวลดน้ำหนัก

           Snack – ต้องมีพกติดตัวตลอดค่ะ สำคัญมาก เพื่อป้องกันเวลาที่เราหิว เราจะได้หยิบพวกนี้เข้าปากค่ะ ถ้าไม่มีของพวกนี้โอกาสสูงมาก ที่เราจะไปกินของไม่มีประโยชน์เวลาหิว

          สรุป เรื่องอาหารนะคะอย่างที่บอกว่าลดความอ้วน อาหารที่เรากินสำคัญถึง 80% ไปร์ทเชื่อว่าคนที่อยากลดความอ้วนทุกคน อยากมีหุ่นดีตลอดไป ไม่ใช่ผอมอยู่ 1-2 เดือน แล้วอ้วนเหมือนเดิม ดังนั้นการอดอาหาร การกินอาหารที่คลีนเกินไป โดยที่เราไม่ได้มีความสุข มันไม่ยั่งยืน อยากให้คุณกินแบบมีความสุข แบบที่กินได้ทุกวันแบบไม่ทำร้ายร่างกาย ปรับให้มันเข้ากับตัวเราที่เราสามารถกินแบบนี้ได้ตลอดชีวิต โดยที่ไม่ฝืนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ตั้งแต่เรามาทานอาหารสุขภาพ ไม่คลีน 100% จากที่เคยคิดว่ามันไม่อร่อย เปลี่ยนเลยค่ะ  sandwich  ที่เราทำอร่อยมาก อิอิ เอาไปให้น้องที่ออฟฟิศกิน ติดใจกันทุกคน เลยทำให้เราคิดว่าอันนี้คือของหวานของเราค่ะ เราไม่เคยอยากกิน พวกเบเกอรี่ ขนมหวาน ที่น้ำตาลเยอะ ๆ อีกเลย สำหรับ ชีทเดย์ ส่วนใหญ่เราจะกินอาหารรสจัด ที่ปรกติไม่ได้กิน ส้มตำ ยำขนมจีน แบบรสจัด ๆ แต่ว่าของพวกนี้แคลฯ ต่ำนะคะ แต่ว่าไม่ค่อยดีกับสุขภาพ เราเลยถือเป็นชีทมีลของเรา
ถ้าไปกินข้าวข้างนอก เราฟรีนะคะ คือกินอะไรก็ได้แต่ขอให้มีประโยชน์กับสุขภาพ ไม่เน้นแคลฯ สัปดาห์หนึ่งจะทานข้างนอก สัก 1-2 ครั้งค่ะ วันนั้นทั้งวันเช้า-กลางวันจะกินน้อย เพื่อให้แคลฯ ตอนเย็นมาบาลานซ์กัน

Sandwich ของเรานะคะ นี่คือเมนูหลักอาหารเช้าของเราเลยค่ะ กินทุกวันไม่เคยเบื่อ

Whole wheat bread + Banana + Peanut Butter + Cinnamon + Granola + Cacao powder (ประมาณ 350 แคล)

รีวิวลดน้ำหนัก

4. ออกกำลังกาย 20%  (Exercise not only changes your body. It changes your mind, your attitude and your mood.)
ไปร์ทออกกำลังกายที่บ้านเพราะเคยสมัครฟิตเนสรายปีประมาณ 20,000 บาท แล้วไปใช้แค่เดือนเดียวค่ะ แล้วก็ขี้เกียจไป รู้สึกเสียดายเงินมาก รู้สึกไม่เหมาะกับเรา เป็นคนที่ออกจากบ้านต้องแต่งตัว ดังนั้นกว่าจะออกกว่าจะไปถึงฟิตเนส มันเลยทำให้ขี้เกียจ คือเราไม่ได้ขี้เกียจออกกำลังกายนะ แต่เราขี้เกียจแต่งตัว ขี้เกียจอาบน้ำ ขี้เกียจเดินทางฝ่ารถติด โอ๊ะ…ทำไมขี้เกียจจัง ฮ่า ๆๆ เลยคิดว่าการออกกำลังกายที่บ้านน่าจะเหมาะกับเราที่สุด ใส่ชุดกาก ๆ ไม่ต้องอาบน้ำล้างหน้า ก็ออกกำลังกายได้ 55555
ไปร์ทออกกำลังกายทุกเช้าหลังตื่นนอน ประมาณ 15 นาที และเย็นอีกประมาณ 30-45 นาที สัปดาห์ละ 5-6 วัน อุปกรณ์มีดัมเบลอันเดียวค่ะ ออกตามคลิปยูทูบ ด้วยความที่แต่ก่อนไปร์ทไม่ได้อ้วนมาก และไปร์ทควบคุมอาหารจริงจัง เลยไม่ได้คาร์ดิโอเลยค่ะ หุ่นที่ได้มาได้มาจากการบอดี้เวต อย่างเดียวเลย แต่สำหรับคนที่น้ำหนักเยอะมาก ๆ แนะนำให้คาร์ดิโอกับบอดี้เวตคู่กันนะคะ ผิวหนังจะได้ไม่ย้วย

รีวิวลดน้ำหนัก

          อันนี้เป็น AB Routine ที่ทำทุกเช้านะคะ อันนี้สำหรับ 5 Minutes Flat Stomach ทำ 2 รอบ ทุกวัน รับรองว่า หน้าท้องล่างจะบอกลาคุณค่ะ มันดีจริง ๆ มีอีกอันคือ Six-pack เดี๋ยวจะเอามาฝากวันหลังนะคะ

https://youtube.com/watch?v=bCpFrh1Vs58%3Fenablejsapi%3D1

           สรุปนี่คือสิ่งทั้งหมดที่เปลี่ยน คือมันก็ไม่ยาก แต่มันก็ไม่ง่ายนะคะ แต่ถ้าทำได้มันคุ้มจริง ๆ ค่ะ สิ่งที่ต้องมีจริง ๆ คือความตั้งใจ วินัย และเป้าหมายต้องชัดเจน (เรารู้สึกนับถือทุกคนที่มาสาย healthy นะคะเพราะเรารู้ว่ามันไม่ง่ายจริง ๆ)
  ถ้าคุณทำได้ ไปร์ทบอกเลยว่าชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทุกอย่างจริง ๆ ค่ะ คุณรู้ไหมคะ ว่าระบบเผาผลาญพัง มันเกิดจากอะไร เกิดจากเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเราเค้าช่วยกันเซฟพลังงาน เพื่อให้คุณได้มีชีวิตรอดเพราะเค้าคิดว่าคุณกำลังจะตายเนื่องจากการอดอาหาร จึงทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายต่ำลง ร่างกายเค้ารักคุณขนาดนี้ กลัวคุณตายขนาดนี้ รักเค้ากันเถอะค่ะ คนแรกที่คุณควรดูแลคือ ร่างตัวคุณเอง ให้เค้าได้กินของดี ๆ เวลาที่เค้าหิว ให้เค้าได้นอนเวลาที่ง่วง พาเค้าไปออกกำลังกายจะได้แข็งแรงอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ถ้าคุณรักเค้าดูแลเค้าดี ๆ เค้าให้สิ่งดี ๆ กลับมามากมายแน่นอนค่ะ
ข้อเสียเดียวตอนนี้ที่เห็นคือ หมดเงินกับเสื้อผ้าเยอะมากค่ะ ช้อปกระจายแบบ ฉันผอมแล้วจะใส่อะไรก็ได้อะเธอออออออออ
แอ๊ะ !! เกือบลืม รูปเปรียบเทียบระหว่างหุ่นเป้าหมายกับหุ่นปัจจุบันของตัวเอง ครบ 3 เดือนแล้นนนนนน

I AM BUSY GETTING MY DREAM BODY

          ตอนนี้ไปร์ท หนัก 47 สูง 162

รีวิวลดน้ำหนัก

            อาจจะยังไม่เท่ากับเป้าหมาย แต่ว่าเราก็มาไกลพอสมควรค่ะ และก็จะควบคุมอาหาร และออกกำลังกายต่อไป เพราะมันคือ My fit lifestyle ค่ะ
แถม ๆ วิวัฒนาการบิกินี่ของเราค่ะ ฮ่า ๆ อยากบอกว่า 2 รูปนี้น้ำหนักเท่ากันนะคะ 47 Kg. เห็นความแตกต่างไหม เราแค่อยากบอกว่า น้ำหนักน้อยไม่ได้หมายความว่าผอมนะคะ เพราะถ้ามีแต่ไขมัน ไม่มีกล้ามเนื้อ มันก็จะเผละ อย่างในรูปนั่นแหละค่ะ สมัยก่อนเราก็แปลกใจนะคะ ว่าเราก็ผอมนะแต่ทำไมเวลาถ่ายรูปมามันดูอ้วน ๆ บิดจนเอวจะหักก็ยังดูอ้วน ฮ่า ๆ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องบิดเลยค่ะถ่ายหน้า ถ่ายหลัง ถ่ายไงก็สวย คริคริ

รีวิวลดน้ำหนัก

          สุดท้าย อยากฝากบอกว่า ไม่ว่าคุณจะอ้วนหรือจะผอม ความสุขมันอยู่ที่เราคิดนะคะ ถ้าคุณมองกระจก แล้วคิดว่าคุณสวย ไม่ว่าคุณจะอ้วนขนาดไหนคุณก็สวยค่ะ ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่สวยถึงคุณจะผอมเป็นนางแบบวิคตอเรีย ซีเคร็ทคุณก็ไม่สวยค่ะ แต่แค่อยากให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพน้า ร่างกายไม่มีอะไหล่เปลี่ยนนะคะ

Self-love is not selfish; you can’t truly love another until you know how to love yourself.

รีวิวลดน้ำหนัก

         จบแล้วค่ะ มือใหม่หัดเขียนครั้งแรก ผิดพลาดยังไงต้องขออภัยด้วยน้า ตั้งใจพิมพ์ทุกตัวอักษร

หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ มีอะไรสงสัยถามในคอมเมนต์ได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคำถามค่ะ

ขอขอบคุณคุณไปร์ทที่อนุญาตให้เรานำข้อมูลและภาพประกอบมาเผยแพร่ด้วยนะคะ
ที่มา: สมาชิกหมายเลข 3747687 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

ปล. ถ้าอยากเพิ่มการเผาผลาญในร่างกาย ดื่ม “น้ำขิง” ก็ช่วยได้ดีเลยนะคะ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ต้องการดูแลสุขภาพตัวเองค่ะ ^^

#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
#Gingen #ขิงผงจินเจน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย
ช้อปจินเจนออนไลน์ได้ที่ >> shop.gingen.com

“ชาขิง” สุดยอดเครื่องดื่ม กับ 5 เหตุผล ที่ต้องเริ่มดื่มตั้งแต่วันนี้!

ขิงมีการนำมาใช้นานหลายร้อยปีแล้วตั้งแต่เป็นพระกระยาหารของกษัตริย์ไปจนถึงอาหารของเหล่ายาจก แม้ว่าปัจจุบันจะมีขิงอุดมสมบูรณ์และหาได้ง่ายมาก แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะรู้ถึงความสำคัญของขิงในเรื่องของอาหารเพื่อสุขภาพ

ขิงมีสรรพคุณในการรักษาโรคทั่วไป แต่ถ้าคุณไม่รู้จักวิธีนำขิงมาปรุงอาหารก็ไม่ต้องกังวล เพราะเพียงแช่ขิงในน้ำเดือดก็ทำให้กลายเป็นชาสมุนไพรที่มีรสชาติกลมกล่อมได้แล้ว และนี่คือ 5 เหตุผลสำคัญที่เราควรเริ่มดื่มชาขิงตั้งแต่วันนี้เลย!

1. บรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน

จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของขิงคือการแก้ปัญหาเกี่ยวกับท้องไส้ต่างๆ เช่น การแพ้ท้อง จุกเสียด ปวดท้อง มีลมในกระเพาะอาหาร และท้องเสีย นอกจากนี้ยังดีสำหรับผู้ที่เดินทางระยะไกลและมีเด็กที่เมารถไปด้วย อย่างไรก็ดีควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ทุกครั้ง

2. ชะลอกระบวนการแก่ชรา

ขิงอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ผ่านมาการศึกษาได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของขิงในระดับต่างๆ การส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมอง และแม้แต่การชะลอกระบวนการแก่ชราซึ่งจะช่วยชะลอการเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์ด้วย

3. เพื่อผ่อนคลาย

ขิงมีส่วนช่วยในเรื่องการไหลเวียนโลหิต นอกจากนี้สรรพคุณของมันยังทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นภายในและความง่วง แม้ว่าขิงเองจะไม่ทำให้เราหลับโดยตรงแต่ก็มีประโยชน์ก่อนนอนไม่มากก็น้อย

4. หยุดอาการปวดกล้ามเนื้อ

แม้ว่าจะช่วยในเรื่องการเผาผลาญแต่ขิงกลับไม่ช่วยในการเรื่องการลดน้ำหนัก ทว่าหากคุณรู้สึกปวดเมื่อยหลังจากที่ออกกำลังกายขิงจะช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อได้

5. มีลมหายใจสดชื่น

ขิงและกระเทียมเป็นพืชในตระกูลเดียวกันแต่มีสรรพคุณต่างกันโดยสิ้นเชิง ในเรื่องของกลิ่นลมหายใจขิงจะช่วยทำความสะอาดเพดานปากของคุณ ขณะที่ชาขิงจะช่วยปรับรสชาติให้เป็นกลางและทำให้ลมหายใจสดชื่น

แต่ถ้าไม่อยากได้กลิ่นของขิงคุณสามารถเติมมะนาวหรือสะระแหน่เพื่อกลบกลิ่นของมันได้ เช่นเดียวกับการเติมน้ำผึ้ง น้ำแอปเปิ้ล หรืออบเชยเพื่อกลิ่นที่เบาบางลง นอกจากนี้ขิงยังช่วยในเรื่องการดูดซึมอาหารและย่อยอาหารด้วย ด้วยเหตุนี้คุณจึงควรรับประทานขิงทุกวันเนื่องจากคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพมากมายและหาได้ง่าย ที่สำคัญการดื่มชาขิงบ่อยๆจะช่วยบำรุงสุขภาพ อารมณ์ และเพิ่มสีสันให้กับชีวิตด้วย

ที่มา : issue247

#Gingen #ขิงผงจินเจน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย
ช้อปจินเจนออนไลน์ได้ที่ >> shop.gingen.com

“เคล็ดลับไดเอท” กับ 7 วิธี หยุดความหิว

เวลาที่คุณรู้สึกอยากลุกไปหยิบอาหารมากิน ทั้งๆที่ยังไม่ถึงมื้ออาหาร อาจจะด้วยความเคยชิน หรืออยากกิน แต่จำเป็นต้องควบคุมน้ำหนัก หรือเพื่อสุขภาพของคุณเอง…ลองทำ 7 วิธีนี้ดู รับรองว่าช่วยคุณลืมความหิวได้ไปแน่นอน

1. ออกไปเดินเล่น

มีงานวิจับจากนิตยสาร PLOS ONE พบว่าการเดินเล่นหรือเดินบนลู่วิ่งประมาณ 15 นาที สามารถช่วยยับยั้งความอยากกินของหวานที่มีส่วนผสมของน้ำตาล เช่นเค้กหรือคุ้กกี้ ได้

2. จิบน้ำบ่อยๆ
การจิบน้ำเปล่าบ่อยๆ หรือน้ำเปล่าแช่ผลไม้ได้ เช่น มะนาว แตงกวา ทับทิม สตตรอเบอร์รี่ หรือบลูเบอร์รี่ ที่เรียกว่า Infused Water ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยยับยั้งความหิวได้ แถมไม่เพิ่มแคลอรี่ด้วยค่ะ

3. เล่นเกมส์
นักวิจัยให้เหตุผลว่า การเล่นเกมส์หรือดูภาพในวิดีโอเกมส์ จะช่วยให้ลืมมโนภาพของอาหารได้ เรียกว่า ไม่เห็นก็ไม่หิว หรืออาจจะเพราะเล่นเพลินจนลืมความหิวไปก็ได้นะคะ

4. ดื่มน้ำขิง
“ขิง” เป็นสมุนไพรธรรมชาติที่เมื่อกินแล้ว จะช่วยความอยากกินของหวานลดลง เพราะขิงมีสารบางอย่างที่ช่วยระงับอาการอยากน้ำตาลได้ อีกทั้งมีคุณสมบัติช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้อาเจียน และต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วยค่ะ

เพียงต้มน้ำร้อนเทใส่แก่้ว แล้วฝานขิงและมะนาวใส่ส่งไป หรือเทขิงผงสำเร็จลงไปในน้ำร้อน แล้วคอยจิบดื่ม รับรองช่วยลดอาการกินจุบจิบได้ชัวร์ค่ะ

5. เคี้ยวหมากฝรั่ง
แนะนำให้เป็นหมากฝรั่งชนิดไม่มีน้ำตาล และให้เคี้ยวหลังกินมื้อเที่ยงไปแล้ว 3 ชั่วโมง เป็นวิธีที่นิยมกันมากเพื่อใช้ระงับความอยากอาหารได้ แถมยังช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าของร่างกายได้อีกด้วยค่ะ

6. กลิ่นมะลิช่วยได้
จากงานวิจัยในประเทศออสเตรเลีย พบว่า “กลิ่นดอกมะลิ” ช่วยลดความอยากกินของหวานได้ เพราะฉะนั้นลองพกน้ำหอมกลิ่นมะลิขวดเล็กๆติดตัวไว้ รับรองเวลาหิวจะเป็นตัวช่วยที่ดีของคุณได้ค่ะ

7. นอนงีบสักพัก
มีหลายงานวิจัยชี้ว่า ถ้าร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้ยับยั้งความอยากอาหารหรือความอยากกินจุบจิบได้ยากขึ้น ดังนั้นหากเรานอนไม่เพียงพอ หรือไม่ครบ 8 ชั่วโมง ก็ลองหาเวลางีบช่วงบ่ายๆสัก 10 – 15 นาทีก็ช่วยได้ค่ะ

จินเจนขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลัง Diet สู้ๆค่ะ คุณทำได้ You can do it!

————————
#ขิงผงจินเจน
#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
#ชงดื่มดีมีประโยชน์
#ปรุงอาหารก็อร่อย
ช้อปออนไลน์ได้ที่: https://shop.gingen.com

Cr: Sistacafe.com

CNN รายงาน! “ขิง” เป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ แนะนำให้ดื่มหรือใช้ปรุงอาหาร

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา Jacqueline Howard ผู้ดำเนินรายการ Food and Fuel ของ CNN รายงานผ่านสกู๊ปพิเศษ เรื่อง Why some health enthusiasts are drinking ginger (ทำไมผู้ที่รักสุขภาพบางคนถึงได้ดื่มขิง)

เธอกล่าวว่าปัจจุบัน ขิง ได้กลายเป็นอาหารที่ได้รับความสนใจในกลุ่มคนจำนวนมาก เนื่องจากสรรพคุณมากมายของขิงที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

จากงานวิจัยก็แสดงให้เห็นว่าขิงสามารถช่วยให้บรรเทาอาการปวดท้องรวมถึงอาการคลื่นไส้อาเจียน และยังช่วยบรรเทาอาการปวดต่างๆได้ดีอีกด้วย

Kelly LeVeque นักโภชนาการจากลอสแองเจลิส และเป็นผู้เขียนหนังสือชื่อ “Body Love” ก็ได้พูดถึงขิงไว้เช่นเดียวกันว่า ขิงช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดจากการย่อยอาหารได้ดี โดยเฉพาะอาการคลื่นไส้ และยังเป็นอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบและทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายด้วย

งานวิจัยชิ้นหนึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Pain Medicine ในปี 2558 พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าการบริโภคขิงในช่วงสองสามวันแรกของรอบประจำเดือนนั้นช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้

อีกทั้งข้อมูลในวารสาร Journal of Pain ที่ตีพิมพ์ในปี 2010 พบว่าการบริโภคขิง สามารถลดความรุนแรงจากอาการเจ็บปวดหลังออกกำลังกายได้มากถึง 25%


ดร. เอ็ดดี้ฟาตาคอฟ แพทย์และนักโภชนาการที่ศูนย์การแพทย์ในอัลฟาเร็ตตาจอร์เจียกล่าวว่า ขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ ดังนั้นถ้ารู้สึกไม่ดีหรือมีอาการท้องเสีย ทางหนึ่งคือให้บริโภคขิงเพื่อบรรเทาอาการ นอกจากนี้ จากการศึกษายังพบว่า ขิงช่วยลดความอยากอาหาร หรือมีบทบาทช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย โดย ดร. เอ็ดดี้ฟาตาคอฟ แนะนำให้ทานขิงแบบสด รองลงมาคือแบบผง หรือบดเป็นเครื่องเทศ

 

Kelly LeVeque กล่าวเสริมว่า การรับประทานขิง สามารถต้มดื่มเป็นชาขิง หรือปั่นเป็นสมูทตี้ ปรุงในน้ำซุป หรือทำเป็นซอสขิงไว้รับประทานคู่กับผักหรือเนื้อสัตว์ในมื้ออาหารก็ได้เช่นกัน

Credit: CNN


#ขิงผงสำเร็จรูป #จินเจน #Gingen
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย
——————————
www.gingen.com
ช้อปออนไลน์ที่: shop.gingen.com
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นที่: http://bit.ly/2MyYtlk

10 ปี ผู้หญิงคนนี้ทรมานด้วยโรคกระเพาะอาหาร แต่อาการดีขึ้นได้ด้วยสิ่งนี้!

แม่บ้านวัยเกษียณชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่ง เล่าผ่านจดหมายถึงคุณหมอยูมิ อิชิฮะระ (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนตะวันออก) ว่าตั้งแต่ช่วงอายุห้าสิบต้นๆซึ่งกำลังอยู่ในช่วงวัยทองนั้นเธอป่วยด้วยอาการที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนทำให้ตัวเองรู้สึกอ่อนล้าที่เห็นได้ชัดคือกระเพาะอาหารและลำไส้แย่ลงเธอเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นแผลในกระเพาะอาหารและเป็นโรคลำไส้แปรปรวนประจำพอกินยาที่ได้จากโรงพยาบาลอาการก็จะดีขึ้นช่วงหนึ่งแต่หลังจากนั้นอาการก็กลับมาแย่ลงอีกในขณะที่กำลังทำใจว่าคงต้องกินยาไปตลอดชีวิตก็มาเจอหนังสือของคุณหมอเล่มหนึ่งและได้รู้ว่าชิงมีสรรพคุณดีต่อกระเพาะอาหารและลำไส้มาก เธอเล่าว่า “คุณหมอเขียนในหนังสือว่าถ้าลองแตะที่ลิ้นปี่ของคนที่กระเพาะอาหารไม่ดีจะรู้สึกเย็นพอลองแตะท้องบริเวณที่ใกล้กับกระเพาะอาหารก็รู้สึกเย็นจริงๆเหมือนกับมีน้ำแข็งอยู่ข้างในเลย ตั้งแต่นั้นมาเวลานอนฉันจะใช้ผ้าพันท้องไว้ ช่วงระหว่างวันก็ใช้ถุงประคบร้อนชนิดใช้แล้วทิ้งให้ความอบอุ่นบริเวณท้องเสมอ”

นอกจากนี้เธอยังดื่มชาขิงและน้ำขิงทุกวัน หรือไม่ก็ทำชาบันฉะผสมบ๊วยและโชยุดื่มเป็นประจำ อย่างที่รู้กันดีว่าชิงมีสรรพคุณช่วยให้เลือดบริเวณผนังด้านในของกระเพาะอาหารและลำไส้ไหลเวียนได้สะดวก กระตุ้นให้การย่อยและดูดซึมสารอาหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อดื่มบ่อยๆจึงส่งผลดีต่อกระเพาะอาหารและลำไส้

เธอยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า “นอกจากนี้ขิงยังช่วยให้เจริญอาหาร รสชาติเผ็ดร้อนของขิงพอเติมลงไปในอาหารแล้วไม่ว่ากินอะไรก็รู้สึกอร่อยไปหมด หลังจากที่เริ่มกินขิงเพื่อให้กระเพาะอาหารและลำไส้อบอุ่นประมาณหนึ่งเดือน อาการต่างๆ เช่น อึดอัดไม่สบายท้อง ปวดท้องเวลาท้องว่าง และอาการเบื่ออาหารที่สร้างความทรมานมานานเกือบสิบปีก็หายเป็นปลิดทิ้ง ตัวฉันเชื่ออยู่แล้วว่าต้องได้ผล แต่ไม่คิดว่าจะเห็นผลเร็วขนาดนี้ ต้องขอบพระคุณคุณหมออิชิฮะระเป็นอย่างสูงค่ะ”

ไม่มีวิธีไหนจะประหยัดและปลอดภัยในการรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้เท่ากับการใช้ชิงและผ้าพันท้องอีกแล้ว และถ้าให้ดีอาจเพิ่มการบริหารร่างกายเบาๆเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง หรือแช่ตัวในน้ำอุ่นเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณช่องท้องให้ดียิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือเรื่อง สลิม สวย สมดุล ด้วยพลังแห่งขิง เขียนโดย คุณหมอยูมิ อิชิฮะระ

#ด้วยความห่วงใย #Gingen
#ขิงผงสำเร็จรูป #จินเจน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย
——————————
www.gingen.com
ช้อปออนไลน์ที่: shop.gingen.com
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นที่: http://bit.ly/2MyYtlk

ต้านหวัดด้วย “ขิง” พร้อมแจกสูตร! “น้ำขิง” แก้หวัด

ขิงมีสรรพคุณแก้ไข้หวัด คนที่เป็นหวัดมีน้ำมูกไหล มีอาการคลื่นเหียนอาเจียน เบื่ออาหาร ไอ จาม และมีอาการเจ็บคอ มีเสมหะ ขิงสามารถรักษาได้ เพราะขิงมีสารแก้พวก แอนตี้ฮีสตามีนอยู่ จึงมีสรรพคุณ ลดน้ำมูก แก้คลื่นใส้ แก้ไอ บรรเทาเสมหะได้ นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ไข้ และยังช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดและอาการปวดเมี่อยก็นำขิงมารักษาได้ แต่การใช้ ขิงแก้ไข้หวัด ให้ได้ผลดีก็ต่อเมื่อ เริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นไข้หวัด เมื่อเห็นว่าอาการไม่ดีก็ให้ชงขิงกินเสียก่อนที่จะเป็นมาก

แจกสูตรการทำ น้ำขิงแก้หวัด

ให้เลือกขิงแก่ๆ และสด ขนาดพอดีๆ นำมาฝานเป็นชิ้นบางๆสัก 1 ขยุ้มมือ นำขิงใส่แก้วแล้วเติมน้ำต้มเดือดจัดๆ เทใส่ลงไปแล้วตั้งทิ้งไว้ให้อุ่น จึงตักเนื้อขิงออกให้เหลือแต่น้ำ เติมน้ำตาลนิดหน่อย แล้วกินรวดเดียวให้หมด วิธีชงแบบนี้จะได้น้ำขิงที่สดและใหม่ มีสรรพคุณทางยาเต็มที่ เพราะน้ำมันหอมระเหยไม่หนีหายไปไหน

การต้มขิง มีลักษณะเดียวกับการชงคือ ใช้ขิงสดมีขนาดเท่าหัวแม่มือทุบให้พอแหลกหรือจะหั่นเป็นชิ้นบางๆ ก็ได้ ต้มกับน้ำ 1 แก้ว ใช้ไฟไม่ต้องแรงมาก ต้มจนเดือดแล้วปล่อยไว้ให้อุ่นแล้วเติมน้ำตาลตามใจชอบ กินทันที การกินน้ำขิงควรกินวันละ 3-4 ครั้งต่อวัน หลังอาหารและก่อนนอน หากท่านต้องการรักษาให้ได้ผลดีควรทำกินเองจะดีกว่า เพราะน้ำขิงสดสามารถขับเหงื่อได้ดีกว่าน้ำขิงสำเร็จรูป ยังช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นจนรู้สึกสบาย และยังช่วยให้ไข้ลดลงอีกด้วย

ที่มาจากหนังสือ เคล็ดลับสมุนไพรไทย

อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ไม่มีเวลาต้มขิงดื่มเอง ก็สามารหาขิงผงสำเร็จรูป 100% ของจินเจนมาชงดื่ม หรือใช้ปรุงอาหารได้นะคะ เพราะเราใช้แม่ขิงสดแท้100% จากธรรมชาติ มาผ่านกระบวนการที่ได้มาตรฐานระดับสากล สกัดมาเป็นขิงผงพร้อมชงดื่มให้รับประทานกันได้อย่างง่ายๆไม่ต้องเสียเวลา แต่ยังคงสรรพคุณและประโยชน์จากขิงไว้ได้เหมือนเดิม

——————————
#Gingen #จินเจน
#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน #ดื่มจินเจนเป็นประจำทุกวัน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย
.
.
www.gingen.com
ช้อปออนไลน์ที่: shop.gingen.com
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นที่: http://bit.ly/2MyYtlk