8 เคล็ดลับวิธีดูแลสุขภาพด้วยขิง

” แค่ปฎิบัติตามก็เห็นผล “
การดูแลสุขภาพด้วยขิงสูตรหมออิชิฮะระ ไม่ว่าใครก็ทำตามได้ทันที่และรอดูผลได้เลย ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับการใช้พลังขิงให้ได้ผลยิ่งขึ้น

ถ้าทำตามทั้ง 8 ข้อได้อย่างเคร่งครัดแล้วละก็ ไม่ว่าอาการ มือเท้าเย็น อาการปวดเมื่อย โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ โรคอ้วน อาการเหนื่อยล้า หรือปัญหาผิวพรรณก็จะบรรเทาลงหรือหายไปแล้ว ” สุภาพดีทั้งกายและใจ” ไปดูกันมีอะไรบ้าง

 

1. ดื่มชาขิงวันละ 3 – 6 ถ้วย

เพียงแค่ดื่มน้ำขิงวันละ 3 – 6 ถ้วย จะค่อยๆเห็นความเปลี่ยนแปลงในร่างกายจนต้องประหลาดใจ หากที่ผ่านมาคุณดื่มกาแฟจนเป็นนิสัย ลองเปลี่ยนมาดื่มน้ำขิงดูสิ ” คิดจะดื่มชา คิดถึงน้ำขิง”

2. การเติมน้ำตาลทรายแดงลงในน้ำขิงในปริมาณที่เหมาะสม รสหวานในน้ำตาลทรายแดงมีสรรพคุณทำให้ร่างกายอบอุ่น ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน ดังนั้น สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและไขมันในร่างกายด้วย

3. หลังตื่นนอนตอนเช้า เป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิร่างกายต่ำที่สุด และอวัยะต่างๆยังตื่นตัวไม่เต็มที่ เมื่อดื่มน้ำขิงจะช่วยอุ่นเครื่อง และ ปรับอุณหภูมิร่างกายให้ค่อยๆสูงขึ้น นอกจากนั้นจะดื่มก่อนมื้ออาหารอื่นๆหรือตอนท้องว่าง จะช่วยป้องกันไม่ให้กินมากเกินไป หรือดื่มหลังอาหารจะช่่วยการย่อยและเผาผลาญ

4. ใช้ขิงที่บดเสร็จใหม่ๆ เพราะมีรสชาติดีกว่าและให้กลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหย ถ้าวันไหนไม่มีเวลาอาจใช้ขิงผงแทนได้

5. นอกจากดื่มน้ำขิงเป็นประจำแล้ว ควรพยายามเติมขิงผงลงในอาหารแต่ละมื้อด้วย ลองเติมขิงบด หรือ ขิงผงลงในอาหาจำพวกซุป อาหารประเภทเส้น ต้มหรือตุ๋น ก็ได้รสชาติอร่อยไปอีกแบบ

6. สำหรับคนที่ดื่มน้ำเย็นเป็นประจำเพราะเชื่อว่า “ยิ่งดื่มมากก็ยิ่งช่วยให้เผาผลาญดีขึ้น” นั้น ควรเลิกพฤติกรรมนี้เสีย แล้วเปลี่ยนมาดื่มน้ำขิงแทน ถ้าดื่มน้ำขิงให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ ร่างกายก็จะขจัดของเหลงและของเสียออกไปได้ สุขภาพก็จะแข็งแรง

7. การไม่กินมากเกินไปเป็นวิธีช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายเย็น และเป็นหนทางที่จะช่วยให้ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย จึงถือเป็นสุดยอดวิธีดูแลสุขภาพ หรืออาจจะลดปริมาณการกินลง หรือ งดอาหารเช้าจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายกำจัดของเสียออกมาได้ดียิ่งขึ้น การดื่มน้ำขิงในตอนเช้าสักถ้วยก็จะช่วยเติมพลังให้ร่างกายเพียงพอแล้ว

8. วิธีดูแลสุขภาพด้วยขิง ทำได้ง่ายและได้ผลทันที สะดวก ประหยัด สุขภาพดีขึ้น ทุกคนสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ลองทำตามเคล็ดลับทั้งหมดนี้ต่อเนื่องอย่างน้อย 7 วัน แล้วจะรู้สึกถึงการเปลียนแปลงในทางที่ดีขึ้น

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือการดูแลสุขภาพด้วยขิงสูตรหมออิชิฮะระ

———————————————————

สามารถหาซื้อน้ำขิงจินเจนได้แล้วที่ www.gingen.com
#Gingen #จินเจน
#ขิงผงจินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย

นอนดึกมากระวังร่างกายจะพังเอานะ !!

นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราอายุสั้นลงด้วยนะ ดังนั้น ใครที่ชอบอดหลับอดนอนควรตั้งใจอ่านให้ดีเชียว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pobpad.com

———————————————————

สามารถหาซื้อน้ำขิงจินเจนได้แล้วที่ www.gingen.com
#Gingen #จินเจน
#ขิงผงจินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย

5ประโยชน์ของขิงที่ไม่เคยรู้มาก่อน

รู้หรือไม่ ⁉️
ขิงมีประโยชน์กับร่างกายเรามากๆ
อาการที่คุณมักเป็นบ่อยๆ อาจจะบรรเทาได้ด้วยขิงนะคะ
ลองไปดู 5 ประโยชน์จากขิง ที่คุณไม่รู้มาก่อน

สำหรับสาวๆ คนไหนที่กำลังลดความอ้วน ลองหันมาลองวิธีนี้กันดูค่ะ ขิงช่วยทำให้ความอยากอาหารลดลง จัดเป็นเคล็ดลับเลยค่า

สาวๆ คนไหนที่ต้องทุกข์กับอาการปวดท้องประจำเดือนในทุกๆเดือน การทานขิงกับน้ำร้อนจะสามารถแก้ปัญหาของคุณได้ค่ะ

นักวิจัยพบว่าขิงช่วยลดคลอเรสเตอรอลที่ไม่ดี ซึ่งขิงสามารถช่วยให้คุณพ่อ คุณแม่ของเราห่างไกลโรคต่างๆ แค่กินน้ำขิง

ขิงมีสาร Gingerol จะไปทำหน้าที่ยับยั่งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียประะเภทต่างๆ โดยเฉพาะแบคทีเรียในช่องปากซึ่งส่งผลกับการเกิดโรคเหงือกอัพเสบซึ่งทำให้เกิดกลิ่นปาก

สาวๆ คนไหน ตั้งครรภ์อยู่ สามารถดื่มน้ำขิงเพื่อช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องและคลื่นไส้ได้ นอกจากนั้นยังช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ที่เกิดจากเคมีบำบัดของการรักษามะเร็งและลดการคลื่นไส้หลังผ่าตัดได้อีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pobpad.com

———————————————————

สามารถหาซื้อน้ำขิงจินเจนได้แล้วที่ www.gingen.com
#Gingen #จินเจน
#ขิงผงจินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย

ไม่มี “มนุษย์ป้า” แล้ว!!…มีแต่ “มนุษย์ปัง” มาดูเคล็ด(ไม่)ลับของ “ป้าเจน” ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงตัวคุณกันค่ะ .

ไม่มี “มนุษย์ป้า” แล้ว!!…มีแต่ “มนุษย์ปัง”

มาดูเคล็ด(ไม่)ลับของ “ป้าเจน” ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงตัวคุณกันค่ะ

สุขภาพดีเริ่มต้นที่ตัวเรานะคะสาวๆ ^^

-ป้าเจน-

6วิธีลืมแฟนเก่า จะสาวๆหรือหนุ่มๆก็ใช้ได้ผลหมดนะ ป้าคอนเฟิร์ม!

6วิธีลืมแฟนเก่า

จะสาวๆหรือหนุ่มๆก็ใช้ได้ผลหมดนะ ป้าคอนเฟิร์ม! (ยิ้มมุมปากเบาๆ)

วิธีปฐมพยาบาล

หยุดยาวแบบนี้ออกไปเที่ยวกลางแจ้ง แดดเปรี้ยงๆ ก็อาจเสี่ยง #เป็นลมแดด ได้นะ!☀️

หากเจอสถานการณ์แบบนี้ ก่อนอื่นเลยเราต้องตั้งสติให้ดี!
จากนั่นทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งวันนี้ป้าเจนก็มีวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาฝากจ้าา
รับรองว่านำไปใช้ได้จริงไม่เลิ่กลั่กแน่นอน👍

—————————
👵🏻ป้าเจนขอให้ทุกคนเที่ยวอย่างปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่บาดเจ็บกันนะจ๊ะะ

1. นำผู้ป่วยออกจากบริเวณที่อากาศร้อน นำเข้าที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หรือห้องแอร์

2. ถ้าผู้ป่วยยังไม่หมดสติ ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเย็น แต่ไม่ต้องให้ยาลดไข้แอสไพริน หรือพาราเซตามอล

3.พ่นละอองน้ำบนตัวผู้ป่วย และใช้พัดหรือพัดลมเป่า หรืออาจใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวผู้ป่วย

4.ถ้าผู้ป่วยหมดสติและอาเจียนให้จับศีรษะผู้ป่วยหันไปด้านข้าง เพื่อลดโอกาสการสำลัก

5.ถ้าผู้ป่วยชักเกร็งให้เอาสิ่งกีดขวางรอบตัวผู้ป่วย ที่อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอันตรายได้ออก

#ป้าเจน

ขอบคุณข้อมูลจาก (c) Kapook.com
———————————————————

สามารถหาซื้อน้ำขิงจินเจนได้แล้วที่ www.gingen.com
#Gingen #จินเจน
#ขิงผงจินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย

วันนี้ป้าเจนพามารู้จัก “ไขมันทรานส์” ผู้ก่อการร้าย ทำลายสุขภาพเรา!

วันนี้ป้าเจนพามารู้จัก “ไขมันทรานส์” ผู้ก่อการร้ายทำลายสุขภาพเรา! 😱😱😱

ไขมันทรานส์คืออะไร? มี 2 ประเภท

1. น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน มีผลเสียต่อสุขภาพ *กระทรวงสาธารณสุขห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย

2. ไขมันทรานส์ที่พบในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ นม ชีส โยเกิร์ต *ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ

“ไขมันทรานส์” มีอยู่ในไหนบ้าง? 👉🏻

ไขมันทรานส์มีอยู่ในอาหารประเภท

👉🏻 ของมัน ของทอด

👉🏻 เบเกอรี่ต่างๆ

👉🏻 น้ำมันพืชบางชนิด

ทานสิ่งเหล่านี้เยอะๆ แล้วจะเป็นยังไง?

เสี่ยงเป็นโรคต่างๆ ได้

ทั้งโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจอุดตัน และโรคต่างๆ อีกมากมาย ><

รู้อย่างนี้แล้ว! มาหลักเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์กันนะจ้ะ 🤘🏻

———————————————————

สามารถหาซื้อน้ำขิงจินเจนได้แล้วที่ www.gingen.com
#Gingen #จินเจน
#ขิงผงจินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย

อันตรายจากการพักผ่อนน้อย

ทำงานหนัก ส่องเฟส แชทดึก ติดซีรียส์ …รู้ไหมว่าอันตรายนะจ๊ะ!!!

อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพกันมากๆ เพราะอันตรายจากการพักผ่อนน้อย มันส่งผลกับร่างเราอย่างมากเลยนะ ไม่อยากร่างพังก่อนวัยอันควร จัดสรรเวลาพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวันด้วยนะจ๊ะ

#ป้าเจน

———————————————————

สามารถหาซื้อน้ำขิงจินเจนได้แล้วที่ www.gingen.com
#Gingen #จินเจน
#ขิงผงจินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย

6เทคนิคการดูแลผิวในหน้าฝน

1.ล้างหน้าทันทีหลังตากฝนสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง เชื้อโรคมักจะมากับน้ำฝน โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวก็มักจะชอบอากาศชื้นๆ เพราะฉะนั้นถ้าต้องตากฝน ก็ต้องรีบล้างหน้าทันทีที่ถึงบ้านเลยนะคะ

2. ล้างหน้าด้วยคลีนซิ่ง

เวลาเราโดนฝนสิ่งสกปรกที่อุดตันจะทำให้เกิดสิวได้ง่าย จากเชื้อแบคทีเรียสะสมและน้ำมันส่วนเกิน การล้างด้วยน้ำเปล่าจึงไม่เพียงพอ คลีนซิ่งจึงช่วยทำความสะอาดได้หมดจดมากขึ้นค่ะ

3.ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

บางวันที่ไม่มีแดดร้อนๆให้เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีรังสียูวีนะคะ และก็ยูวีนี่แหละเป็นตัวการทำร้ายผิว อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยเหี่ยวย่น เราจึงไม่ควรละเลยการทาครีมกันแดดนะคะ แต่หน้าฝนแบบนี้ก็เลือกกันแดดแบบกันน้ำจะได้ไม่หลุดเมื่อต้องเจอกับละอองฝนค่ะ

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

เราควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว เพื่อให้น้ำช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย และเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวนะคะ

5. เปลี่ยนปลอกหมอนบ่อยขึ้น

อย่าลืมว่าแบคทีเรียจะเติบโตได้ดีในอากาศชื้น เพราะฉะนั้นปลอกหมอนที่ต้องสัมผัสกับผิวหน้าเราทุกวัน จึงต้องสะอาดไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคค่ะ

6. สครับผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละ1 ครั้ง

ข้อนี้สาวๆบางคนทำเป้นประจำอยู่แล้ว แต่บางคนที่ไม่ค่อยได้ทำ ช่วงหน้าฝนแบบนี้ที่สิ่งสกปรกที่มาพร้อมละอองฝนอาจจะมาอุดตันผิวของเราได้ง่ายขึ้นการสครับผิว หรือการมาส์กหน้าก็จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกเหล่านั้นได้อย่างสะอาดหมดจดมากขึ้นค่ะ

ชอบข้อไหนก็ทำข้อนั้น ไม่ก็…ทำมันทุกข้อเลยย อิอิ

#ป้าเจน

ขอบคุณข้อมูลจาก Watsons
———————————————————

สามารถหาซื้อน้ำขิงจินเจนได้แล้วที่ www.gingen.com
#Gingen #จินเจน
#ขิงผงจินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย

ทำไมต้องตรวจสุขภาพประจำปี

ปัญหาทางด้านสุขภาพอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา บางคนอาจไม่ได้เจ็บป่วยอะไรร้ายแรงก็ยังใช้ชีวิตในลักษณะเดิมโดยไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายจากภัยของโรคที่ยังไม่เกิดขึ้น จนกระทั่งรู้ในภายหลังก็อาจช้าเกินไป เพราะบางโรคอาจไม่แสดงอาการผิดปกติในช่วงแรก หรืออยู่ในระยะที่โรคสงบ


.
การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะเป็นการช่วยหาต้นตอของโรคหรือความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะแรก ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้ถึงสภาพร่างกายขณะนั้นว่าเป็นปกติดีหรือไม่ และช่วยคัดกรองความเสี่ยงของโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพและไม่ไปเร่งการพัฒนาโรคให้เกิดขึ้น ในรายที่มีความเสี่ยงต่อโรคสูงเป็นทุนเดิมก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคให้หายขาดได้มากขึ้นหากตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

ระดับคอเลสเตอรอล

ควรเริ่มมีการตรวจระดับคอเลสเตอรอลตั้งแต่อายุ 20 ปี ไปจนถึงอายุ 45 ปี และมีการตรวจซ้ำในคนที่มีระดับคอเลสเตอรอลปกติทุก 5 ปี แต่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต หรือมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการกินและเรื่องน้ำหนัก ควรเข้ารับการตรวจตั้งแต่อายุน้อย ๆ หรือตรวจเป็นระยะ


การฉีดวัคซีน

– ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดทุกปี

– ผู้ที่มีอายุ 19 ปีขึ้นไป ควรได้รับการฉีดวัคซีนรวมป้องกันโรคบาดทะยัก โรคคอตีบ โรคไอกรน (Tdap) และควรมีการฉีดกระตุ้นทุก 10 ปี

– ผู้ที่เกิดหลังปี พ.ศ. 2523 และไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน ควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส (Varicella Vaccine) 2 เข็ม ซึ่งปกติจะได้รับการฉีดให้ตั้งแต่ในเด็ก

– ผู้ที่เกิดหลังปี พ.ศ. 2499 ควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR) อย่างน้อย 1 เข็ม

– ผู้ที่มีอายุระหว่าง 18-26 ปี ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus: HPV) หรือตามคำแนะนำของแพทย์

– วัคซีนป้องกันโรคอื่น ๆ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงของโรคนั้น ๆ สูง แพทย์จะเป็นผู้ประเมินก่อนที่จะมีการฉีดให้ เช่น โรคปอดบวม

– ควรมีการฉีควัคซีนป้องกันโรคงูสวัด 1 ครั้ง หลังจากอายุ 60 ปี

– ในกรณีที่มีความเสี่ยงโรคตับ ควรมีการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ

การตรวจภายในและการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีแปปสเมียร์

ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปี ควรมีการตรวจเป็นประจำทุก 3 ปี เพื่อตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก หากผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ผลการตรวจออกมาเป็นปกติ ควรตรวจทุก 5 ปี แต่ในรายที่เข้ารับการผ่าตัดมดลูกหรือปีกมดลูกออกก็อาจไม่มีความจำเป็นในการตรวจ นอกจากนี้ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 25 ปี ควรเข้ารับการตรวจเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในแท้และหนองในเทียม

นอกจากนั้นผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ก็มีการแนะนำให้ตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก ควรเริ่มมีการคัดกรองโรคมะเร็งต่อมลูกหมากทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคนี้ ด้วยวิธีการหาสารชี้บ่งมะเร็งต่อลูกหมาก (PSA) โดยเข้ารับการตรวจในช่วงอายุน้อย ๆ ก่อนช่วงอายุที่บุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งนะคะ
การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะเป็นประโยชน์ต่อการค้นหาความผิดปกติของร่างกายได้ตั้งแต่ในระยะแรก และยังช่วยให้ทราบถึงสภาพร่างกายในขณะนั้นว่าเป็นปกติดีหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสเกิดโรคใด ๆ ในอนาคต แม้ว่าผลการตรวจจะออกมาเป็นปกติ เพราะการตรวจสุขภาพเป็นเพียงการคัดกรองโรคเบื้องต้นในช่วงเวลาที่ตรวจเท่านั้น แต่จะช่วยให้ผู้เข้ารับการตรวจสุขภาพมีการดูแลตนเองมากขึ้น ไม่ชะล่าใจปล่อยปะละเลยหรือเพิ่มความเสี่ยงอื่น ๆ ที่เอื้อต่อโรคให้ตนเอง

การตรวจมะเร็งเต้านม

ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20-40 ปี ควรมีการตรวจเต้านมด้วยตนเองเดือนละ 1 ครั้ง และผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งเต้านม ควรได้รับการตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรม (Mammogram) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งก่อนช่วงอายุที่บุคคลในครอบครัวตรวจพบโรคนี้ ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงของโรคมะเร็งในปัจจัยอื่น ๆ อาจเข้ารับการตรวจเต้านมด้วยวิธีอัลตร้าซาวด์ (Breast Ultrasound) หรือ เอ็มอาร์ไอ (MRI Scan) เพิ่มเติม ส่วนผู้หญิงทั่วไปควรตรวจอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ไปจนอายุ 70 ปี

การตรวจคัดกรองโรคปอด

ในประเทศไทยมีการตรวจคัดกรองโรคทางด้านปอดด้วยวิธีการเอกซเรย์ปอดเป็นหลัก เช่น วัณโรคปอด หลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง มะเร็งปอด แต่ในบางประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แนะนำให้มีการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปอดด้วยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปริมาณรังสีต่ำ (Low-Dose Computed Tomography: LDCT) สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 55-80 ปี มีประวัติการสูบบุหรี่มานานกว่า 30 ปี และยังคงสูบบุหรี่หรือเลิกสูบได้ไม่นาน ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปอด

การตรวจทางด้านสายตา

ควรมีการตรวจสายตาทุก 2 ปี หรือตรวจถี่มากขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์เมื่อพบปัญหาในการมองเห็น เช่น อาการผิดปกติทางสายตา มีความเสี่ยงโรคต้อหิน แต่สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานควรมีการตรวจสายตาทุกปี

แต่ละบุคคลมีปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพที่แตกต่างกัน เมื่อเข้ารับตรวจสุขภาพทุกครั้ง แพทย์จะมีการตรวจร่างกายทั่วไปก่อนเสมอ โดยดูน้ำหนัก ความสูง ประเมินภาวะอ้วนและผอม (BMI) ตรวจดูระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ระบบหัวใจ ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร ตลอดจนการสอบถามข้อมูลส่วนตัวของผู้เข้ารับการตรวจ ไม่ว่าจะเป็นอายุ ประวัติการป่วยของบุคคลในครอบครัว พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน การออกกำลังกาย อาหารการกิน

โรคเบาหวาน

ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ควรเข้ารับการตรวจโรคเบาหวานอย่างน้อยทุก 3 ปี แต่สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีภาวะความดันโลหิตสูง (135/80 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป) มีภาวะอ้วน (วัดค่าดัชนีมวลกายหรือ BMI ได้สูง) ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ควรมีการตรวจบ่อยขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์

การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่

ผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น เคยเป็นโรคลำไส้อักเสบ ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคก่อนอายุ 50 ปี ส่วนผู้ที่มีอายุระหว่าง 50-75 ปี ควรเข้ารับการตรวจโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ทุกปีด้วยการตรวจอุจจาระ การตรวจด้วยวิธีการส่องกล้องทุก 5 ปี และตรวจลำไส้ใหญ่ทั้งหมดทุก 10 ปี นอกจากนี้ในรายที่มีความเสี่ยงของโรคสูงอาจต้องได้รับการตรวจบ่อยขึ้น

การตรวจคัดกรองโรคกระดูกพรุน

ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ควรมีการตรวจสอบความหนาแน่นของกระดูกด้วยเทคนิค DEXA โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน เช่น การสูบบุหรี่ การได้รับยาสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานาน ดื่มแอลกอฮอล์หนัก มีการบาดเจ็บที่กระดูก หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน

ความดันโลหิต

ผู้ใหญ่ที่มีค่าความดันโลหิตปกติ (120/80 มิลลิเมตรปรอท) ควรมีการตรวจความดันโลหิตทุก 3-5 ปี สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต ควรตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และผู้ที่วัดค่าความดันโลหิตค่าบน (Systolic) ได้ระหว่าง 120-139 มิลลิเมตรปรอท และความดันโลหิตค่าล่าง (Diastolic) ได้ระหว่าง 80-89 มิลลิเมตรปรอท ควรมีการตรวจวัดความดันปีละ 1 ครั้ง แต่หากวัดความดันโลหิตค่าบนได้มากว่า 140 มิลลิเมตรปรอทและความดันโลหิตค่าล่างได้มากกว่า 90 มิลลิเมตรปรอทควรตรวจให้บ่อยขึ้นตามคำแนะนำแพทย์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pobpad.com

———————————————————

สามารถหาซื้อน้ำขิงจินเจนได้แล้วที่ www.gingen.com
#Gingen #จินเจน
#ขิงผงจินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
#ดื่มดีมีประโยชน์ #ปรุงอาหารก็อร่อย