ขิงสุดยอดสมุนไพร! 3 สูตรอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน ทานง่ายได้ทุกวัย

ขิงสุดยอดสมุนไพร! 3 สูตรอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน ทานง่ายได้ทุกวัย

ในยุคที่โรคภัยไข้เจ็บมารุมเร้า การมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง “ขิง” สมุนไพรไทยที่หาซื้อง่ายและมีสรรพคุณมากมาย นับเป็นตัวช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 3 สูตรอาหารจากขิง ที่ทำง่าย อร่อย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพกันค่ะ

แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมขิงถึงช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้?

ขิงมีสารสำคัญหลายชนิดที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เช่น จินเจอรอล (Gingerol) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการเจ็บคอและบรรเทาอาการหวัด นอกจากนี้ ขิงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น

3 สูตรอาหารจากขิง ที่ทำง่าย ได้ประโยชน์ เสริมภูมิคุ้มกันไปเต็มๆ 

1. น้ำขิงมะนาว: น้ำขิงมะนาวช่วยดับกระหายคลายร้อน บรรเทาอาการหวัด และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี วิธีทำก็ง่าย เพียงนำขิงสดมาขูดแล้วชงกับน้ำร้อน เติมน้ำมะนาวและน้ำผึ้งเล็กน้อย ก็พร้อมดื่มได้ทันที

หรือเพื่อความสะดวกมากขึ้น เราสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ขิงผงสำเร็จรูปจินเจนมาทดแทนขิงสดได้ ซึ่งมีหลากหลายรสชาติให้เลือก เช่น จินเจนขิง 100% ไม่มีน้ำตาล เป็นต้น

2. ขิงผัดไข่: เมนูง่ายๆ ที่หาทานได้ตามร้านอาหารทั่วไป แต่หากทำเองที่บ้านจะได้ความสดใหม่และควบคุมปริมาณวัตถุดิบได้เอง เพียงแค่ผัดขิงกับไข่จนสุกหอม โดยจะใส่เนื้อสัตว์หรือใบผักลงไปผัดเพิ่มด้วยก็ได้ตามใจชอบ แค่นี้ก็ได้เมนูอร่อยที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร

และเช่นเดียวกัน ถ้าอยากจะเพิ่มรสชาติความเผ็ด และความหอมของขิงไปอีกก็สามารถโรย จินเจน ขิง 100% ไม่มีน้ำตาลไปอีกหน่อยหลังปรุงเสร็จแล้วหรือก่อนเสิร์ฟก็ได้เช่นกันค่ะ

3. ขิงดอง: ขิงดองนอกจากจะเป็นเครื่องเคียงที่อร่อยแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น วิธีทำขิงดองก็ไม่ยาก เพียงล้างขิงให้สะอาด ปอกเปลือก และหั่นเป็นแผ่นบางๆ นำขิงที่หั่นไว้แช่ในน้ำเกลือ (เกลือ 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำเปล่า 1 ถ้วย) เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นล้างขิงด้วยน้ำสะอาดแล้วสะเด็ดน้ำ จากนั้นเตรียมทำน้ำดองโดยผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย และน้ำเปล่า (น้ำเปล่าครึ่งถ้วย) เข้าด้วยกัน แล้วนำไปตั้งไฟกลาง คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายดี และน้ำส้มสายชูร้อน (ไม่ต้องเดือด) แล้วนำขิงที่สะเด็ดน้ำแล้วใส่ลงในภาชนะที่สะอาด จากนั้นเทน้ำดองที่เตรียมไว้ลงไปให้ท่วมขิง ปิดฝาภาชนะ แล้วเก็บไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 1 คืนหรือ 24 ชั่วโมงก่อนทาน เพียงเท่านี้ขิงดองก็พร้อมเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงกับอาหารจานหลักตามที่ชอบได้เลยค่ะ

ประโยชน์ของการทานขิงเป็นประจำ

  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อ
  • ลดอาการอักเสบ: บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • ช่วยระบบย่อยอาหาร: ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
  • บรรเทาอาการหวัด: ช่วยลดอาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล
  • ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง: เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

“ขิงน้ำผึ้งมะนาว” เครื่องดื่มสุขภาพที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร

“ขิงน้ำผึ้งมะนาว” เครื่องดื่มสุขภาพที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร

“ขิงน้ำผึ้งมะนาว” เครื่องดื่มสุขภาพที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร เต็มไปด้วยประโยชน์จากขิง

สรรพคุณของเครื่องดื่มขิงน้ำผึ้งมะนาว

  • ระบบย่อยอาหาร: ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง
  • ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน: ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากการเดินทาง หรือการตั้งครรภ์
  • บรรเทาอาการปวดประจำเดือน: ช่วยลดอาการปวดเกร็งและอักเสบที่เกิดจากประจำเดือน
  • ลดการอักเสบ: ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันโรคหวัด
  • ช่วยลดน้ำหนัก: ช่วยเร่งการเผาผลาญ และช่วยลดความอยากอาหาร
  • บรรเทาอาการหวัด: ช่วยลดอาการคัดจมูก ไข้ และเจ็บคอ
  • สุขภาพผิว: ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง และทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง

มาดูวิธีการทำ ขิงน้ำผึ้งมะนาวกันเลย

วัตถุดิบ:

ขิงสด 1 ชิ้น

น้ำเปล่า 1 แก้ว

มะนาว 1/2 ลูก (หรือปรับตามชอบ)

น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (หรือปรับตามชอบ)

วิธีทำ:

ล้างขิงสดให้สะอาด ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ ใส่ขิงลงในแก้ว เทน้ำเปล่าร้อนลงไป แล้วบีบน้ำมะนาว จากนั้นเติมน้ำผึ้งลงไปคนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เย็นเล็กน้อย และดื่มหลังมื้ออาหาร

เคล็ดลับ: สามารถเพิ่มวัตถุดิบอื่นๆ ลงไปได้ เช่น แอปเปิล กล้วย หรือแตงกวา


นอกจากนี้ยัง
สำหรับท่านที่ต้องการรับประทานขิงเพื่อช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ปัจจุบันสามารถบริโภคขิงผงสำเร็จรูปทดแทนได้โดยจะเลือกแบบไม่มีน้ำตาล เช่น จินเจน ขิง 100% ไม่มีน้ำตาล หรือเลือกรสชาติอื่นๆตามต้องการก็ได้เช่นกันค่ะ

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

ระบบย่อยดี สุขภาพดีตาม

ระบบย่อยดี สุขภาพดีตาม

“ขิง” ตัวช่วยระบบย่อยอาหารให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบย่อยอาหาร เปรียบเสมือนโรงงานที่เปลี่ยนอาหารที่เรากินเข้าไป ให้กลายเป็นสารอาหารที่ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ เมื่อระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ร่างกายของเราก็จะได้รับสารอาหารครบถ้วน ส่งผลต่อสุขภาพที่ดี


แล้วจะทำอย่างไรให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้ดี?

1. ทานอาหารที่มีประโยชน์

เลือกทานผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนทานอาหารที่มีกากใยสูง

หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารที่มีไขมันสูง และอาหารรสจัด


2. ทานอาหารตรงเวลา

ทานอาหาร 3 มื้อหลัก และ 2 มื้อว่าง ไม่ควรอดมื้อกินมื้อ ทานอาหารช้าๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ดื่มน้ำเปล่า 8 แก้วต่อวัน ดื่มน้ำก่อนทานอาหาร 30 นาที

หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหลังทานอาหารทันที

4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ออกกำลังกาย 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์

เลือกกิจกรรมที่เหมาะกับตัวเอง การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร

5. ลดความเครียด

หาวิธีผ่อนคลายความเครียด

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ฝึกสมาธิ

6. ทานขิง

ขิงเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่มีสรรพคุณมากมาย หนึ่งในนั้นคือช่วยย่อยอาหาร ขิงมีสารประกอบที่เรียกว่า “จินเจอรอล” (Gingerol) ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ประโยชน์ของขิงต่อระบบย่อยอาหาร:

ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ลดกรดในกระเพาะอาหาร แก้ปัญหาลำไส้แปรปรวน ขับลมในกระเพาะอาหาร

สำหรับท่านที่ต้องการรับประทานขิงเพื่อช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ปัจจุบันสามารถบริโภคขิงผงสำเร็จรูปทดแทนได้ โดยจะเลือกแบบไม่มีน้ำตาล เช่น จินเจน ขิง 100% ไม่มีน้ำตาล หรือเลือกรสชาติอื่นๆตามต้องการ

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

DIY Ginger Ale สูตรเด็ด ทำเองได้ง่ายๆ ดีต่อสุขภาพ

DIY Ginger Ale สูตรเด็ด ทำเองได้ง่ายๆ ดีต่อสุขภาพ

เบื่อ Ginger Ale แบบเดิมๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำตาลและโซเดียม? ลองมาทำ Ginger Ale สูตรโฮมเมดเองกันดีกว่า!

สูตรนี้ไม่เพียงแต่จะอร่อยสดชื่น แต่ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย เพราะเราสามารถควบคุมปริมาณน้ำตาลและวัตถุดิบอื่นๆ ได้เองตามใจชอบ

ทำไมต้อง Ginger Ale โฮมเมด?

  • อร่อย สุขภาพดี: ปราศจากสารกันบูด สีผสมอาหาร และน้ำตาลส่วนเกิน
  • ปรับสูตรได้เอง: ปรับรสชาติให้หวานน้อย หวานมาก หรือใส่ส่วนผสมอื่นๆ เพิ่มเติมได้ตามชอบ
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: วัตถุดิบหาซื้อง่าย ราคาไม่แพง ทำเองได้ที่บ้าน
  • สนุกกับการทำอาหาร: การทำเครื่องดื่มเองเป็นกิจกรรมที่สนุกและผ่อนคลาย

วัตถุดิบที่ต้องเตรียม

  • ขิงแก่ 1 แว่น (ประมาณ 5 เซนติเมตร)
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
  • น้ำมะนาว 1/4 ถ้วยตวง
  • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ (หรือตามชอบ)
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  • โซดา (ไม่จำเป็น)
  • ใบสะระแหน่ (สำหรับตกแต่ง)

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

  • หม้อ
  • ที่กรอง
  • เหยือก
  • แก้ว
  • มีด

วิธีทำ

  1. เตรียมขิง: ล้างขิงให้สะอาด หั่นเป็นแว่นบางๆ
  2. ต้มขิง: นำน้ำเปล่าใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด ใส่ขิงลงไป ต้มต่ออีก 5 นาที เพื่อให้น้ำขิงได้ที่
  3. พักน้ำขิง: ปิดไฟแล้วปล่อยให้น้ำขิงเย็นลง
  4. กรอง: กรองน้ำขิงออกจากกาก ใส่ลงในเหยือก
  5. ปรุงรส: เติมน้ำมะนาว น้ำผึ้ง และเกลือลงในเหยือก คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติ ปรับปริมาณน้ำผึ้งและเกลือตามชอบ
  6. เพิ่มความซ่า: ถ้าต้องการให้มีฟอง สามารถเติมโซดาลงไปได้
  7. เสิร์ฟ: เท Ginger Ale ลงในแก้วใส่น้ำแข็ง ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ พร้อมดื่ม

Tips สำหรับการทำ Ginger Ale

  • เลือกขิง: ขิงแก่จะมีรสชาติเผ็ดร้อนกว่าขิงอ่อน *สามารถใช้ขิงผงสำเร็จรูปจินเจน รสยอดนิยมผสมน้ำผึ้ง ทดแทนขิงสดได้
  • ปรับระดับความเผ็ด: ถ้าต้องการรสเผ็ดมากขึ้น สามารถเพิ่มปริมาณขิงได้ หรือจะใช้ขิงผงสำเร็จรูปก็ได้
  • ความหวาน: ปรับปริมาณน้ำผึ้งตามความชอบ ถ้าต้องการความหวานน้อยลง สามารถใช้น้ำตาลทรายแดงแทน หรือใช้สารให้ความหวานจากธรรมชาติอื่นๆ เช่น หญ้าหวาน
  • ความเปรี้ยว: ปรับปริมาณน้ำมะนาวตามความชอบ ถ้าชอบรสเปรี้ยวมากขึ้น สามารถเพิ่มปริมาณน้ำมะนาวได้
  • ความเค็ม: เกลือช่วยเสริมรสชาติให้กลมกล่อม แต่ควรใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ
  • เพิ่มรสชาติ: สามารถเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ ลงไปใน Ginger Ale ได้ เช่น มิ้นต์ เลมอน ตะไคร้ หรือผลไม้ต่างๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของรสชาติ
  • การเก็บรักษา: เก็บ Ginger Ale ที่ทำเองไว้ในตู้เย็น สามารถดื่มได้ภายใน 3-4 วัน

ประโยชน์ของขิงต่อสุขภาพ

  • ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน: ขิงมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การตั้งครรภ์ การเดินทาง หรือการเจ็บป่วย
  • ลดอาการอักเสบ: ขิงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • ช่วยย่อยอาหาร: ขิงช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้รู้สึกสบายท้อง
  • ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ: ขิงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • ผ่อนคลายความเครียด: กลิ่นหอมของขิงช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียด

สูตรเพิ่มเติม

  • Ginger Ale พริกไทยดำ: เพิ่มพริกไทยดำบดเล็กน้อยลงไป เพื่อเพิ่มความเผ็ดร้อนและกลิ่นหอม
  • Ginger Ale มะนาว: เพิ่มเปลือกมะนาวขูดลงไป เพื่อเพิ่มความหอมสดชื่น
  • Ginger Ale แตงโม: เพิ่มแตงโมปั่นลงไป เพื่อเพิ่มความหวานและความสดชื่น

ลองนำสูตร Ginger Ale โฮมเมดนี้ไปทำตามกันดูนะคะ รับรองว่าคุณจะได้เครื่องดื่มที่อร่อย สุขภาพดี และสดชื่น ดื่มได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • เลือกน้ำผึ้งแท้: น้ำผึ้งแท้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าน้ำตาล
  • ปรับสูตรให้เหมาะกับตัวเอง: ลองปรับเปลี่ยนสูตรตามความชอบของคุณเอง เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกปากที่สุด
  • ใช้ขิงผงสำเร็จรูป: เพื่อความสะดวกมากขึ้น สามารถใช้ขิงผงสำเร็จรูปแทนขิงสดได้ เช่น จินเจน ขิง 100% ไม่มีน้ำตาล  เป็นต้น

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

ทำไมควรดื่มน้ำขิงหลังมื้ออาหาร

ดื่มน้ำขิงหลังมื้ออาหาร ดีต่อสุขภาพอย่างไร?

รู้หรือไม่ว่า? น้ำขิงร้อนๆ แก้วนึงหลังมื้ออาหารมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่คิด!

1. ช่วยย่อยอาหาร: ขิงมีสารประกอบที่ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย

ขิง: สมุนไพรที่มีสรรพคุณอันหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการช่วยระบบย่อยอาหาร ขิงมีสารประกอบสำคัญที่ชื่อว่า จินเจอรอล (Gingerol) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อนและมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้ร่างกายสามารถย่อยอาหารได้ดีขึ้น ลดอาการไม่สบายต่างๆ ที่เกิดจากระบบย่อยอาหารทำงานไม่เป็นปกติ

2. ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน: ขิงมีประสิทธิภาพในการลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากหลายสาเหตุ เช่น อาการเมาหลังอาหาร

ทำไมขิงถึงช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้?

  • สารสำคัญในขิง: จินเจอรอล (Gingerol) และโชกาออล (Shogaol) เป็นสารสำคัญในขิงที่มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อาหารเคลื่อนที่ผ่านระบบทางเดินอาหารได้ดีขึ้น ลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน
  • ลดการอักเสบ: ขิงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารและลำไส้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้
  • ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ: ขิงช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ลดอาการปวดเกร็งและคลื่นไส้

3. ดีต่อระบบเผาผลาญ: ขิงช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น

ทำไมขิงถึงช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้?

  • จินเจอรอล (Gingerol) และโชกาออล (Shogaol): สารสำคัญในขิงสองชนิดนี้ มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกายเล็กน้อย เมื่อร่างกายมีความร้อนเพิ่มขึ้น ระบบเผาผลาญก็จะทำงานมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น
  • กระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์: ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมสำคัญที่ควบคุมการเผาผลาญของร่างกาย การศึกษาบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า ขิงอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น
  • เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร: ขิงช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารจากอาหาร ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาระบบเผาผลาญให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ลดการอักเสบ: การอักเสบเรื้อรังสามารถทำลายเซลล์และอวัยวะต่างๆ รวมถึงเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญพลังงาน ขิงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น

4. ขิงขับลม ช่วยให้สบายท้อง: ขิงมีสรรพคุณช่วยขับลม เมื่อมีอาการแน่นท้อง แถมยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายสบายท้องด้วย

ทำไมขิงถึงช่วยขับลมได้?

  • ขิงมีสารสำคัญที่ช่วยขับลม เช่น จินเจอรอล (Gingerol) และ โชกาออล (Shogaol)
  • สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
  • ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อในลำไส้ ทำให้การเคลื่อนที่ของลมในทางเดินอาหารดีขึ้น
  • ลดการเกิดแก๊สและอาการท้องอืด
  • กระตุ้นการหลั่งของน้ำย่อยและน้ำดี ส่งเสริมกระบวนการย่อยอาหารให้ราบรื่น

สัมผัสรสชาติขิงแท้กับจินเจน ที่คัดสรรขิงมาอย่างพิถีพิถัน พร้อมดื่มด่ำกับความหอมละมุนและรสชาติอันล้ำลึก มอบความสดชื่นและกลมกล่อมทุกครั้งที่ดื่ม

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ shop.gingen.com

สายตี้ฟังทางนี้! 5 ไอเทมแก้เมาค้าง หาซื้อง่าย

อาการเมาค้างเกิดขึ้นจากการที่เราดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป ทำให้ร่างกายแสดงปฏิกิริยาต่อต้านแอลกอฮอล์ขึ้นมา ซึ่งมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป ตามสภาพร่างกาย หรือการเตรียมตัวของแต่ละคน

อาการ ได้แก่ อาการขาดน้ำ ปวดหัว หงุดหงิด คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย บางคนนอนไม่หลับ ลิ้นขาดรสสัมผัส ขมปากขมคอ มีไข้ ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า และวิตกกังวลตามมา

มาดู 5 ไอเทมแก้อาการเมาค้างที่หาซื้อได้ง่าย ๆ กัน

1. น้ำขิง เครื่องดื่มสมุนไพร ก็ช่วยแก้แฮงค์ได้เป็นอย่างดี น้ำขิงจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย ระบบหายใจ และป้องกันอาการปวดหัวที่จะมาได้ในระดับหนึ่ง และยังเป็นตัวช่วยขับแอลกอฮอล์ออกมาทางระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี

2. กาแฟดำ เอสเพรสโซ่สักช็อต หรืออเมริกาโน่ร้อนสักแก้ว ช่วยแก้แฮงค์ให้ดีขึ้นได้มาก คาเฟอีนในกาแฟจะช่วยกระตุ้นคุณให้ฟื้นจากอาการมึนหัว และขับปัสสาวะ ทำให้แอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย

3. เครื่องดื่มวิตามิน ที่มีส่วนผสมของวิตามินบี และวิตามินซี จะเป็นตัวช่วยอย่างดี หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายยาทั่วไป เพราะวิตามินดังกล่าวสามารถช่วยลด อาการเมาค้างได้มาก และควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปหลังจากการดื่มหนัก

4. นมช็อกโกแลต ช่วยป้องกันอาการเมาค้างได้อย่างดี แถมไม่ทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างแรงเมื่อตื่นขึ้นมาอีกด้วย

5. น้ำเกลือแร่ เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำไปมาก เพราะแอลกอฮอล์ สายปาร์ตี้ควรมีน้ำเกลือแร่ ชนิดละลายน้ำไว้เป็นตัวช่วยฟื้นฟูอาการขาดน้ำด้วย และควรติดตัวไว้จิบทั้งวันเพื่อแก้แฮงค์ และเติมน้ำให้ร่างกายอย่างต่อเนื่อง และทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น



นอกจากนี้แนะนำให้ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อขับแอลกอฮอล์ เช่น วิ่ง วิดพื้น ให้ร่างกายได้เหงื่อ จะเป็นการขับแอลกกอฮอล์ออกมาจากร่างกาย ช่วยแก้แฮงค์ และทำให้ร่างกายรู้สึกกระปี้กระเปร่าขึ้น

ที่มา: โรงพยาบาลขอนแก่นราม

Ginger Shot น้ำขิงช็อตสำหรับคนอยากสวย

Ginger Shot หรือขิงสกัด หลายคนนิยมกินเป็นช็อตทุกวันในตอนเช้า เนื่องจากมีสรรพคุณมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

แต่ก่อนที่จะไปดูประโยชน์ของขิงช็อตเรามาดูในส่วนของวัตถุดิบสำหรับการทำขิงช็อตซึ่งทำง่ายมาก ว่ามีอะไรบ้าง

วัตถุดิบ

1.ขิงแก่ 3 หัวใหญ่ๆ (สามารถใช้ขิงผงแทนได้)

2.ขมิ้น 3-4 ชิ้นเล็ก (สามารถใช้ขมิ้นผงแทนได้)

3.แอปเปิล 1 ลูก (ช่วยให้ทานง่าย)

4.เลม่อน 1 ลูก

5.มะนาว 2 ลูก

6.ส้ม 2 ลูก

7.น้ำผึ้ง 1 ช้อน (หรือชิมตามรสที่ชอบ)

8.พริกไทยดำบด 1 หยิบนิ้ว

9.น้ำสะอาด (ช่วยให้ปั่นง่ายขึ้น)

ส่วนวิธีการทำนั้นก็ไม่ยาก

1.ขิงและขมิ้น หั่นเป็นแว่นๆ

2.แอปเปิล ส้ม เลม่อน และมะนาวให้ปอกเปลือกไม่ต้องนำเม็ดออก นำทั้งหมดใส่โถปั่น

3.เติมน้ำสะอาดเพื่อให้ปั่นง่ายขึ้นและใส่พริกไทยดำบดลงไป จากนั้นทำการปั่นได้เลย

4.ใช้ผ้าขาวบางกรองเอากากออก ก็จะได้เป็นน้ำขิงสกัดที่เข้มข้นมาก

วิธีการรับประทาน

แนะนำสูตรสำหรับทานง่าย ให้เติมน้ำผึ้งลงไป จากนั้นให้แบ่งน้ำขิงสกัดเป็น 3 ส่วน เติมน้ำเปล่า 1 ส่วน ให้เจือจาง จากนั้นแบ่งเป็นช็อต สามารถเก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 7 วัน

แนะนำให้ดื่มทุกเช้าวันละ 1 ช็อต เพราะจะช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ดีท็อกซ์ลดพุง ช่วยชะลอวัยและเรื่องผิวพรรณ เสริมภูมิคุ้มกันได้ดีมากๆเลยค่ะ

#ดื่มความสุขสดชื่น
#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

3 ความลับของขิงที่หลายคนคาดไม่ถึง

หลายคนอาจรู้กันอยู่แล้วว่าสรรพคุณของขิงนั้นช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ลดอาการวิงเวียนศีรษะจากการเมารถได้

แต่จริงๆแล้วน้ำขิงมีความลับมากกว่านั้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1.ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้

เหมาะมากๆกับในยุคโรคระบาดอย่าง โควิด เพราะมีงานวิจัยจากปี 2008 พบว่าเวลาที่้เราดื่มน้ำขิงทุกวันจะช่วยลดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่อยู่ในช่องปากและทางเดินหายใจได้

ดังนั้นก็หมายความว่าอาจมีส่วนที่จะช่วยทำให้คนที่ดื่มน้ำขิงเป็นประจำมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงมากขึ้น จึงไปช่วยต่อต้านเชื้อโรคจากแบคทีเรียและไวรัสนั่นเอง

 

2.ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคสมองเสื่อม

ใครก็ตามที่รู้สึกไม่ดี กลัวจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ในอนาคต ดื่มน้ำขิง หรือทานขิงช่วยได้ เพราะในงานวิจัยพบว่า เมื่อให้ผู้หญิงในวัย 50-60ปี ทานขิงสกัดติดต่อกัน 2 เดือน จะช่วยพัฒนาความจำให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่า น้ำขิงน่าจะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในอนาคตได้

 

3.บรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน

เพียงดื่มน้ำขิงก่อนประจำเดือนมา 4 วันทุกเช้า

ผลปรากฎว่าอาการปวดท้องประจำเดือนลดลง

โดยที่ในงานวิจัยถ้าคุณลองไปหาอ่านก็จะมีเยอะมากในเรื่องช่วยปวดท้องประจำเดือน ดังนั้นคุณสามารถนำขิงมาทำเป็นอาหาร หรือจะดื่มเป็นน้ำขิงก็ได้ง่ายๆ สะดวกและประหยัดเวลาได้เป็นอย่างดี

 

#ดื่มความสุขสดชื่น #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

5 สาเหตุที่ทำให้ท้องอืด

รู้หรือไม่! เวลาที่เราเกิดอาการท้องอืดนั้นอาจจะเกิดมาได้จากสาเหตุต่างๆได้ ซึ่งหลักๆก็จะเป็น 5 สาเหตุนี้ด้วยกัน คือ

.

1. เกิดจากการรับประทานอาหาร เช่น ถ้าเรารับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาจจะทำให้ย่อยอาหารได้ช้าลงและเกิดอาการท้องอืดได้

.

2. การใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย ก็จะทำให้ย่อยอาหารได้ช้าเป็นสาเหตุของอาหารท้องอืดเช่นกัน

.

3. อายุ เมื่อเข้าสู่ช่วงสูงวัยระบบย่อยอาหารจะทำงานช้าลง เราจึงจะเห็นว่าผู้สูงอายุมักจะมีอาการท้องอืดได้ง่ายและบ่อยกว่าคนอายุ

.

4. ติดเชื่อแบคทีเรียที่ชื่อ เอช ไพโลไร ทำให้เสียดท้อง และมีอาการท้องอืดได้

.

5. ท้องผูก ทำให้เกิดอาหารท้องอืดตามมาได้เนื่องจากความดันในทางเดินอาหารสูงขึ้น

.

#สาเหตุของอาการท้องอืด

#การดื่มน้ำขิงบรรเทาอาการท้องอืดได้

#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

#อบอุ่นกาย #อบอุ่นใจ #อบอุ่นด้วยจินเจน

💔รู้หรือไม่ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคหัวใจ‼

สาเหตุหลักเป็นเพราะหลายๆคนไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของการดูแลสุขภาพ อีกทั้งมักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารรสจัด มีคอเลสเตอรอลสูง รวมทั้งความเครียด นอกจากนี้ โรคประจำตัวบางอย่างก็ส่งผลต่อโรคหัวใจด้วยเช่นกัน

ปัจจัยที่ทำให้หัวใจไม่แข็งแรง ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและเมื่อมีอายุมากขึ้น ก็จะมีการเสื่อมสภาพของระบบอวัยวะต่างๆ รวมถึงหัวใจและหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดโรคหัวใจตามมา

หลายคนอาจมองข้ามสัญญาณเตือนจากโรคหัวใจเพราะบางครั้งอาจคิดว่าเป็นเพียงแค่อาการทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วอาจเป็นอาการจากโรคหัวใจที่แสดงตัวมากขึ้น โดยสามารถสังเกตได้จากอาการเหล่านี้

📌 เหนื่อยง่ายกว่าปกติ:

หลายครั้งที่เหนื่อยง่าย หอบหายใจลำบาก หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพราะออกแรงมากเกินไปหรืออยู่ระหว่างการออกกำลังกายโดยจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะแล้วหายไปเองแต่บางครั้งอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในขณะนอนหลับด้วย

📌 เจ็บแน่นหน้าอก:

ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บหน้าอกด้านซ้ายหรือทั้งสองด้าน เวลานอนราบอาจจะรู้สึกเหนื่อยหรือมีอาการอึดอัดบริเวณหน้าอก

📌 เป็นลมหมดสติโดยไม่มีสาเหตุ

📌 ขาหรือเท้าบวมโดยไม่มีสาเหตุ:

นอกจากอาการขาหรือเท้าบวมแล้ว ยังรวมไปถึงปลายมือ ปลายเท้า และริมฝีปาก มีลักษณะเขียวคล้ำซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจลดลง เพราะเลือดไหลขึ้นจากขาไปยังหัวใจได้ไม่สะดวก จนทำให้เลือดคั่งที่ขา

สำหรับความรุนแรงของโรคหัวใจและหลอดเลือดจะสอดคล้องกับอายุ ความรุนแรงของโรคหัวใจที่เป็นและโรคร่วมที่มีอยู่ ในบางรายอาจนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างกระทันหัน หรือป่วยหนักถึงขั้นวิกฤตได้

การดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคหัวใจและหลอดเลือด จำเป็นต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ผ่อนคลายความเครียด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

✔ การรับประทานอาหาร:

เน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจและร่างกาย ลดอาหารไขมันสูงรสจัด และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันที่อิ่มตัวเช่น จากไขมันปาล์ม พร้อมกับรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีนไขมันต่ำ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไม่ติดมันหรือเนื้อปลา

✔ ลดการสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

✔ ควบคุมน้ำหนักและโรคประจำตัว:

ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเพราะการที่น้ำหนักตัวเกินอาจเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ หรือเกิดโรคเรื้อรังจนทำให้เกิดโรคหัวใจอีกทั้งยังจำเป็นต้องควบคุมความดันโลหิตสูงให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

✔ ผ่อนคลายความเครียด:

ความเครียดส่งผลต่อสุขภาพได้อย่างชัดเจน เช่น อาจทำให้ความดันโลหิตสูงระดับฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้นจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

✔ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ:

การออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมไปถึงโรคอื่น ๆเนื่องจากการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้หัวใจแข็งแรง ทำงานได้ดี

หากใครกังวลหรือคิดว่ามีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด สามารถตรวจคัดกรองด้วยการตรวจเอกซเรย์ทรวงอกและคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย ตลอดจนการตรวจหาแคลเซียมหินปูนที่ผนังหลอดเลือดหัวใจและตรวจหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยเทคนิคการทำ CT Scan เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก: โรงพยาบาลเวชธานี

#โรคหลอดเลือดหัวใจ

#จินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน