“นมผสมขิง” มีคุณค่ามากกว่าที่คิด ดีต่อสุขภาพในระยะยาว

หากพูดถึง “นม” หรือ “ขิง” หลายคนก็คงรู้จักหรือเคยดื่มกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าเราสามารถดื่ม “นมผสมขิง” ได้เลยในคราวเดียวกัน ซึ่งประโยชน์และคุณค่าที่ได้ก็จะได้คูณสองเช่นกัน ตามมาดูกันเลยว่าการดื่ม นมผสมขิง นั้นจะดีต่อสุขภาพของเราอย่างไรบ้าง

1. ป้องกันโรคกระดูกพรุน
อย่างที่ทราบกันดีว่า ในนมนั้นมีปริมาณแคลเซี่ยมสูง ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ดี โดยเฉพาะกับผู้สุงอายุหรือคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องการปริมาณแคลเซียมในปริมาณสูง

2. แก้อาการนอนไม่หลับ
สารทริปโตเฟน (Tryptophan) ในนมจะช่วยลดความตื่นเด้นและช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น ยิ่งหากดื่มพร้อมกันกับน้ำขิงแล้วนั้น ก็จะยิ่งทำให้อุ่นท้อง นอนหลับได้สบายมากยิ่งขึ้น

3. ช่วยลดความดันโลหิตสูง
มาถึงประโยชน์ของขิงข้อหนึ่งที่สำคัญเลย นั่นก็คือช่วยลดความดันโลหิต รวมถึงยังช่วยปรับระบบหมุนเวียนเลือดให้อยู่ในภาวะสมดุลอีกด้วย

4. ช่วยลดอาการท้องอืด
สำหรับบางคนโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ดื่มนมแล้วเกิดอาการท้องอืด จุกเสียดแน่ท้องนั้น เนื่องจากร่างกายย่อยน้ำตาลแลคโตสในน้อยได้น้อยลงทำให้เกิดอาการดังกล่าว ในขณะที่สรรพคุณหนึ่งของขิงนั้นคือช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ดี ดังนั้นหากเราดื่ม นมผสมขิง ในคราวเดียวกัน ผู้ที่เคยมีอาการเหล่านี้ก็จะพบปัญหาน้อยลง หรือสามารถกลับมาดื่มนมได้ปกติเหมือนเดิม

หากใครที่รู้สึกว่าการดื่มนมผสมขิงนั้นก็ดี มีประโยชน์ แต่ยังรู้สึกยุ่งยากในการทำ วันน้ีจินเจนเลยขอเสนอ “จินเจน ขิงผสมนม” ในรูปแบบซอง Twin Pack สามารถชงได้พร้อมกันในแก้วเดียว เพียงเติมน้ำร้อน ฉิงซอง เทผงนมและผงขิง คนให้เข้ากัน ง่ายๆเพียงเท่านี้ ก็ได้เครื่องดื่มขิงผสมนม ที่คงคุณประโยชน์ของนมสดแท้และขิงแท้เอาไว้อย่างครบถ้วน


สนใจผลิตภัณฑ์ สั่งซื้อได้ที่: shop.gingen.com

#จินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

อาหารแนะนำช่วงมีประจำเดือน!

ช่วงใกล้จะมีประจำเดือนและในระหว่างที่ประจำเดือนมา จะเป็นภาวะที่ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล สาว ๆ หลายคนจึงมักจะเจอปัญหาต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ เช่น อาการปวดท้อง หงุดหงิด หรือเป็นสิว เป็นต้น

อาการต่าง ๆ เหล่านั้น นอกจากกินยาแล้วก็ยังสามารถบรรเทาได้ด้วยการเลือกรับประทานอาหารบางประเภทได้ด้วย เช่น

1. ขิง หรือน้ำขิง จัดเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก ช่วยในเรื่องลดอาการปวดประจำเดือนได้ดี เพราะมีโพแทสเซียมสูง บรรเทาอาการปวดเกร็วท้องน้อย

2. ถั่วและมันฝรั่ง ช่วยลดความหงุดหงิด

3. แซลมอน อะโวคาโด และเมล็ดฟักทอง เป็นแหล่งธรรมชาติของวิตามินดี อุดมไปด้วยกรด EPA และ DHA ที่ช่วยลดอาการบวมน้ำได้

4. แตงกวา ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด

5. ผลไม้สีส้ม ช่วยลดความันให้ผิว ลดโอกาสการเกิดสิวได้

 

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

วิธีแก้อาการปวดหัว แบบไม่ต้องพึ่งยา

“ร้อนจนปวดหัว!” คำพูดหรืออาการที่เรามักได้ยินเป็นประจำในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ซึ่งอาการที่สัมพันธ์กับอากาศร้อน และพบเป็นประจำก็คือ อาการปวดศีรษะไมเกรน หรือปวดศีรษะข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง มีอาการปวดตุ๊บ ๆ บริเวณขมับหรือกระบอกตา ผู้ป่วยบางรายอาจปวดมากขึ้นเมื่อขยับร่างกาย บางรายมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนร่วมด้วย บางรายอาจมีอาการปวดมากขึ้นเมื่อเจอกับเสียงดังหรือแสงจ้า

นอกเหนือจากนี้แล้ว สาเหตุของอาการที่พบบ่อยอีกประการคือ อยู่ในสภาพที่อากาศเปลี่ยนแปลง เช่น จากที่เดินตากแอร์อยู่ในห้างสรรพสินค้า จู่ๆ ก็เดินออกไปบริเวณลานจอดรถร้อนๆ ส่งผลให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน จนเกิดอาการไมเกรนขึ้น

อาการปวดหัวลักษณะนี้ สามารถแก้หรือบรรเทาได้โดยยังไม่ต้องไปหายามารับประทาน เพียงลองทำแบบนี้ดู!

1. หลีกเลี่ยงการตากแดดจัด หรือบริเวณที่มีแสงจ้ามาก หรือหลบแดดมาพักก่อนเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวในเบื้องต้น

2. เติมน้ำให้ร่างกาย เพราะการขาดน้ำคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว

3. สูดดมกลิ่นน้ำมันหอมระเหย เลือกชนิดที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวโดยเฉพาะ ช่วยลดปวดได้ชะงัด

4. นวดกดจุดและยืดกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายความตึงของกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ ซึ่งมักสัมพันธ์กับอาการปวดหัว

5. ประคบร้อนบริเวณหลังคอด้วยกระเป๋าน้ำร้อน ประมาณ 10-15 นาที เพื่อลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ

6. ดื่มหรือจิบน้ำขิง เพราะหนึ่งในสรรพคุณของขิงนั้นจะช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ ทั้งชนิดปวดแบบสองข้าง และข้างเดียว เนื่องจากสารเคมีที่อยู่ในขิงจะสามารถปรับสารไอโคซานอยด์ ทำให้อาการปวดหัวบรรเทาลงได้

น้ำขิง นอกจากจะช่วยเรื่องบรรเทาอาการปวดหัวแล้ว การดื่มน้ำขิงเป็นประจำ ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายได้อีกด้วย

#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

PLANT BASED FOOD อาหารถูกใจผู้สูงวัย

Plant Based Food ก็คือ อาหารทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภค หรือผู้ที่ต้องการงด เลี่ยง ลดการทานเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และผู้ที่ต้องการทานอาหารเพื่อสุขภาพ อย่างที่ทุกคนรู้ว่าจริงๆ แล้ว มนุษย์ มีระบบย่อยและดูดซึมอาหารที่เหมาะกับการกินพืชผักมากกว่าการกินเนื้อสัตว์ ซึ่งอาหาร Plant Based Food ส่วนมากจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ที่ทำมาจากพืช ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ เห็ด เมล็ดพืช ธัญพืช และพืชตระกูลถั่ว เป็นส่วนประกอบหลักอย่างน้อย 95% และที่สำคัญคือต้องไม่มีเนื้อสัตว์ผสม (ในบางผลิตภัณฑ์อาจมีผสมอยู่บ้างในปริมาณที่น้อยมาก) เน้นการได้โปรตีนจากพืช นำมาแต่งสี และกลิ่น เพื่อให้มีรสชาติ และรสสัมผัสที่มีความคล้ายกับเนื้อสัตว์มากที่สุด


สารอาหารที่ได้จาก Plant Based Food

โปรตีน : อย่างที่บอกว่า Plant Based Food เป็นอาหารที่ทำมาจากพืชตระกูลถั่ว เห็ด และธัญพืชต่างๆ ซึ่งในถั่วเหลืองและเห็ด ก็เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชชั้นดี

คาร์โบไฮเดรต : ในส่วนของคาร์โบไฮเดรต ก็จะอยู่ในข้าว แป้ง และพืชตระกูลหัว อย่างเผือก มัน และถั่ว

วิตามิน และ แร่ธาตุ : สารอาหารส่วนนี้จะมีอยู่ในพืชผัก ผลไม้ แทบทุกชนิดอยู่แล้ว

ไขมัน : ไขมันก็จะได้มาจาก จากน้ำมันพืช ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันธัญพืชชนิดต่างๆ ซึ่งไขมันเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้อาหาร Plant Based มีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม และชุ่มฉ่ำคล้ายเนื้อสัตว์


Plant Based Food ดีต่อผู้สูงอายุอย่างไร?

Plant Based Food ไม่ได้ จำกัด อยู่แค่ในกลุ่มมังสวิรัติหรือคนที่กินเจไม่รับประทานเนื้อสัตว์เพียงเท่านั้น แต่เป็นอาหารสำหรับคนทุกกลุ่มเช่นคนที่ต้องการดูแลสุขภาพชอบอาหารคลีนกลุ่มที่เคร่งในการออกกำลังกายควบคุมอาหารรวมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งมีสัดส่วนประชากรที่เพิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มที่ควรให้ความสำคัญในเรื่องของการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากผู้สูงอายุมักมีปัญหาเรื่องการเคี้ยวอาหารอันเกิดจากการความเสื่อมสภาพของร่างกายที่เพิ่มมากขึ้นการสะสมแคลเซียมที่กระดูกและฟันลดลงส่งผลให้ฟันจะผุกร่อนฟันสึกได้ง่าย การรับประทานเนื้อสัตว์อาจทำให้ไม่สามารถบดเคี้ยวได้ละเอียดส่งผลให้ระบบย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารทำงานได้น้อยลงและเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย


สำหรับใครที่อยากเริ่มทาน Plant Based Food ก็สามารถเริ่มได้เลย ทานได้ทุกเพศทุกวัย อาจจะเริ่มจากอาทิตย์ละ 1 วัน แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องอย่าลืมเรื่องการล้างทำความสะอาดของพืชผักที่จะทำมาใช้ทาน เพราะอาจจะมีสารพิษปนเปื้อนได้ และอย่าลืมรักษาสมดุลของสารอาหารในร่างกายด้วยนะคะ


น้ำขิงจินเจนช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ เป็นประจำ ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายได้อีกด้วย

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

ฟ้าทะลายโจรกินตอนมีไข้ แล้วดื่มน้ำขิงตอนไหนเพื่อให้ร่างกายสมดุล?

ตามตำราเภสัชกรรมไทย ของมูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์แผนไทย ได้อธิบายในเรื่อง “ยารสประธาน” เอาไว้ว่า หมายถึงรสของยาที่ปรุงหรือผสมเป็นตำรับแล้วจะเหลือรสของตัวยาอยู่เพียง 3รสเท่านั้นคือยารสเย็น, ยารสร้อน, และยารสสุขุม

ซึ่งหนึ่งในยารสเย็นที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีโดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิตนั่นก็คือ “ฟ้าทะลายโจร” ที่จัดเป็นสมุนไพรที่มีรสขมและฤทธิ์เย็น มีสรรพคุณแก้ไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ได้ รวมถึงระงับอาการอักเสบ ไอ เจ็บคอ หลอดลมอักเสบ และขับเสมหะได้ด้วย อีกทั้งยังแก้การติดเชื้อพวกทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย บิด และแก้กระเพาะลำไส้อักเสบ

ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขยืนยันแล้วว่า ฟ้าทะลายโจรมีสาร “แอนโดร กราโฟไลด์” ที่สามารถต้านโควิด-19 ไม่ให้เข้าเซลล์ และต้านการแตกตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในร่างกายได้

การรับประทานฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีรสเย็น แนะนำให้กินในช่วงเวลามีไข้ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อตัว และกินให้มากพอและให้เร็วที่สุดเพื่อสยบไข้ที่เกิดนั้น และยังไม่ควรกินยารสร้อนใด ๆ ในช่วงนี้ แต่แนะนำให้กินเมื่ออาการไข้ อาการครั่นเนื้อตัวหรืออาการปวดเมื่อยเนื้อตัวหายไปแล้ว โดยการกินยารสร้อนในช่วงทั้งก่อนจะมีไข้ หรือหลังมีไข้ นั้นก็เพื่อสร้างสมดุล บรรเทาผลข้างเคียงในการกินฟ้าทะลายโจรจำนวนมาก รวมถึงช่วยบำรุง และให้กำลังควบคู่กันต่อไปด้วย

และหนึ่งใน “ยารสร้อน” ที่ตำราเภสัชกรรมไทยแนะนำนั่นก็คือ “ขิง” ซึ่งเป็นสมุนไพรรสเผ็ด ฤทธิ์อุ่น มีสรรพคุณขับความเย็นในร่างกายส่วนกลาง แก้คลื่นไส้ แก้ไอ ทั้งยังเป็นยาที่สาคัญในการรักษาอาการคลื่นไส้อาเจียนได้อีกด้วย เหมาะกับกลุ่มคนที่มีร่างกายอ่อนแอ ร่างกายไม่ทนต่อความเย็น กลัวหนาวกลัวลม มือเท้าเย็น ไม่ค่อยอยากอาหาร อุจจาระไม่เป็นก้อน หรือคนที่ต้องการบำรุงร่างกาย

นอกจากนั้น ขิงยังออกฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัส ลดการอักเสบ ลดเสมหะ แก้คัดจมูก เพิ่มการไหลเวียนโลหิตและขับเหงื่ออีกด้วย ทำให้ “ขิง” มีบทบาทสำคัญในฐานะเครื่องดื่มและอาหารสำหรับวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ในครั้งนี้อีกด้วย

ขอสรุปว่า “น้ำขิง” ซึ่งเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน สามารถกินตลอด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว เพื่อบำรุงและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย รวมถึงเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ และหากต้องการกินร่วมกันกับสมุนไพรฤทธิ์เย็น เช่น “ฟ้าทะลายโจร” ก็แนะนำให้ดื่มก่อนมีไข้ หยุดดื่มเมื่อมีไข้ และดื่มตามทันทีหลังไข้ลดแล้วเพื่อปรับสมดุลในร่างกาย และบำรุงให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง


ที่มา: อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต

https://mgronline.com/daily/detail/9640000076901

 

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

#จินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

เทคนิคดูดกระตุ้นเพิ่มน้ำนมแม่

เทคนิคการดูดกระตุ้นเพิ่มน้ำนมแม่ ที่คุณแม่มือใหม่ต้องรู้!

1. ดูดเร็ว

หมายถึงหลังคลอดยิ่งให้ลูกกินนมแม่เร็วเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น ทันทีที่ลูกคลอดออกมาโรงพยาบาลหลายแห่งจะรีบนำลูกมาให้เริ่มดูดนมแม่ตั้งแต่บนเตียงคลอดเลย การทำเช่นนั้น แม้ลูกยังไม่ได้รับน้ำนม แต่จุดสำคัญคือเป็นการช่วยกระตุ้นให้น้ำนมมาเร็วขึ้น และเป็นการให้ลูกน้อยซึ่งเพิ่งเกิดมาได้นอนซบอกอุ่นของคุณแม่ด้วย

2. ดูดบ่อย

คุณแม่มือใหม่ควรให้ลูกกินนมแม่บ่อยตามที่ลูกต้องการ หิวเมื่อไรก็ให้ดูด เพราะนมแม่นั้นย่อยง่าย ในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด คุณแม่ควรให้ลูกดูดนมบ่อยๆ อาจจะประมาณทุก 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นให้น้ำนมมา หลังจากนี้ก็ให้ลูกดูดตามต้องการ โดยไม่ต้องตั้งเวลา แต่ถ้ารู้สึกคัดเต้านม ต้องให้ลูกดูดนมออกทันที การให้ลูกกินนมแม่บ่อยจะช่วยระบายน้ำนมออกจากเต้า และให้เต้านมสร้างน้ำนมใหม่เรื่อยๆ ไม่เช่นนั้น คุณแม่จะเจ็บเพราะคัดเต้านม และทำให้เต้านมสร้างน้ำนมได้น้อยลงด้วย

       วิธีที่จะทราบว่าลูกน้อยหิวนมแม่แล้ว ก็คือสังเกตอากัปกิริยาของลูก เมื่อไรที่ลูกเริ่มส่ายหน้าหาหัวนม เอามือถูที่ปาก หรือทำท่าดูด ฯลฯ แสดงว่า ลูกต้องการดูดนมแล้ว


3. ดูดถูกวิธี

ท่าดูดนมที่ถูกต้องสำหรับลูกมีดังนี้ค่ะ

  • ปากลูกต้องเปิดกว้าง เพื่ออมหัวนมให้ลึกที่สุดจนมิดลานนม ถ้าลานนมกว้างก็ให้อมให้มากที่สุด คางแนบเต้า ปลายจมูกชิดหรือแตะเต้านม และริมฝีปากบน-ล่างบานออก
  • ลูกดูดแรงโดยใช้ลิ้นรีดน้ำนมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ได้ยินเสียงกลืนนมเป็นจังหวะ
  • ถ้าลูกไม่ค่อยดูดหรือดูดช้าลง ให้บีบเต้านมช่วยเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำนมเข้าปากลูก


4. ดูดเกลี้ยงเต้า

นอกจากดูดถูกวิธีแล้ว การให้ลูกกินนมแม่แต่ละครั้งต้องนานพอ เพื่อให้ลูกดูดนมได้จนเกลี้ยงเต้า เต้านมจะได้ผลิตน้ำนมใหม่อย่างต่อเนื่อง 
       วิธีสังเกตเพื่อให้คุณแม่แน่ใจว่าลูกดูดนมเกลี้ยงเต้าก็คือ หลังให้ลูกดูดนมเสร็จแล้ว เต้านมนิ่มลงทั้งเต้า อาการเจ็บตึงที่เต้านมหรือที่เรียกว่านมคัดก็หายไปด้วย ถ้ายังไม่แน่ใจให้ลองบีบเต้านมดู  น้ำนมจะไม่พุ่งแต่ออกมาเพียง 1-2 หยดเท่านั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก theasianparent.com

นอกจากนี้ คุณแม่ยังสามารถกระตุ้นน้ำนมด้วยการรับประทานอาหารเพื่อเพิ่มหรือเสริมสร้างน้ำนมได้ เช่น การดื่มน้ำขิง เนื่องจากฤทธิ์ร้อนของขิง จะช่วยทำให้น้ำนมไหลได้ดียิ่งขึ้น

#จินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน
ช้อปจินเจนออนไลน์ได้ที่: shop.gingen.com

“น้ำขิง” ผสม “น้ำผึ้ง” ประโยชน์สองต่อที่คุณคาดไม่ถึง

ประโยชน์ของน้ำขิง อุดมไปด้วยคุณค่าของวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ, วิตามินบี 1, วิตามินบี 2, วิตามินซี, ธาตุฟอสฟอรัส, ธาตุแคลเซียม เป็นต้น ในปัจจุบัน “ขิง” ถูกนำมาสกัดเป็นเครื่องดื่มสำเร็จรูปสำหรับดื่มได้อย่างสะดวก บางคนก็อาจนำขิงมาต้มเป็นเมนูน้ำขิงร้อนๆ เพื่อสุขภาพ แต่หากใครไม่ชอบกลิ่นสมุนไพรฉุนๆ ก็สามารถนำไปผสมกับน้ำผึ้งเพิ่มรสชาติหอมหวานก็ได้เช่นกัน

ประโยชน์ของการดื่มน้ำขิงผสมน้ำผึ้งจะช่วยบำรุงลำไส้ และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณด้านอื่นๆ ที่มีผลดีต่อร่างกายอีกมากมาย ได้แก่

  1. บำรุงสุขภาพหัวใจ

จากงานวิจัยของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ระบุว่า ขิงมีส่วนช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือดและช่วยลดคอเลสเตอรอล จึงอาจช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดอุดตัน หรือหัวใจวายได้

  1. บรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน

ขิง และน้ำผึ้งมีส่วนช่วยป้องกันและบรรเทาอาการวิงเวียน คลื่นไส้และอาเจียน ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้จากการเมารถ เมาเรือ หรืออาการคลื่นไส้ของหญิงตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด และช่วยรักษาอาการท้องเสียได้อีกด้วย ส่วนการดื่มในเวลาปกติจะช่วยบำรุงลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างเป็นปกติ

  1. ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ

ขิงและน้ำผึ้งก็อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอวัย ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งและบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง

  1. ช่วยเพิ่มการเผาผลาญในร่างกาย

การดื่มขิงผสมน้ำผึ้งเป็นประจำช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเอนไซม์ชื่อว่า Acyl-CoA oxidase ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึมหรือระบบเผาผลาญในร่างกายของเรา ทำให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้นก่อนขับออกมาในรูปของปัสสาวะ จึงมีส่วนช่วยลดน้ำหนักและลดไขมันในร่างกาย

  1. ช่วยให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย บรรเทาความเครียด

ฤทธิ์ร้อนจากขิง และกลิ่นหอมจากขิงและน้ำผึ้ง มีส่วนช่วยให้จิตใจรู้สึกสงบและผ่อนคลาย  นอกจากนี้ในน้ำผึ้งยังมีฤทธิ์ระงับประสาทอ่อนๆ ตามธรรมชาติ ช่วยคลายความวิตกกังวลและช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

“ความอุ่น” ลดความวิตกกังวล ในผู้สูงอายุได้

ถ้าคุณคือหนึ่งคนที่มักมีอาการเหล่านี้ หัวใจเต้นเร็ว ท้องไส้ปั่นป่วน ท้องเสียง่าย ขี้หนาว หายใจเร็ว หรือมีอาการคล้ายเป็นลม ทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในอาการที่เกิดจาก “ความวิตกกังวลอย่างสูง” (Panic Disorder)  

สิ่งหนึ่งที่จะช่วยลดความแพนิคหรือความวิตกกังวลใจนั้นได้ ก็คือ “ความอุ่น” จากอาหารหรือวิธีการเหล่านี้

1. ทานน้ำขิง หรือ น้ำอุ่น เพื่อให้อุ่นท้อง รู้สึกสบายขึ้น

2. เอาถุงร้อนมาประคบที่ท้องเมื่อรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้อง หรือทำก่อนนอนก็ช่วยให้หลับได้สบายขึ้น

3. ลดการทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นเกินไป เช่น น้ำเย็น น้ำแข็ง น้ำมะพร้าว น้ำเต้าหู น้ำผักผลไม้ปั่น หรือสาลี่ เป็นต้น

4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน ๆ

5. ทานอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน เช่น ขิง ขมิ้น พริกไทย กระชายเหลือง รากผักชี กระเพรา เป็นต้น

6. ออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่นขึ้น

7. หากรู้สึกวิตกกังวล ลองล้างหน้าหรืออาบน้ำด้วยน้ำอุ่นดู จะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้

8. หลีกเลี่ยงการเสพข่าวด้านลบ หรือเรื่องที่จะทำให้ไม่สบายใจ กังวลใจ

9. การสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิ เป็นประจำก็ช่วยให้วาภะวิตกกังวลลดลงไปได้เช่นกัน

 

สำหรับผลิตภัณฑ์จินเจน สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ shop.gingen.com

ด้วยความปรารถนาดี
#จินเจน #ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

การ์ดอย่าตก! “ที่เที่ยวหลังปลดล็อค” เที่ยวที่ไหนสบายใจ คนน้อย ปลอดคน มาดูกันเลย!!!

แนะนำ 7 สถานที่ท่องเที่ยว คนน้อย

เหมาะกับการมาผ่อนคลายหลังปลดล็อคดาวน์
จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเล้ยย!

ละลุ สระแก้ว

      ที่เที่ยว unseen ละลุ สระแก้ว  ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากฝีมือของธรรมชาติ ด้วยน้ำฝนที่กัดเซาะ และการพังทลายของดินและยุบตัว ทำให้ดินที่แข็งจะยังคงอยู่ และเมื่อถูกลมกัดกร่อนจะมีลักษณะเป็นรูปต่าง ๆ ดูคล้ายกับกำแพง

เป็นการสะสมของตะกอนดินที่ใช้เวลาถึง 150 ล้านปี เลยทีเดียว สายชัตเตอร์ ถ่ายรูปออกมา รับรองว่าเลิศแถมยังได้ฟีลลิ่งของ ยูทาห์ อีกทั้งยังเป็นที่เที่ยวที่คนยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ รับรองไม่วุ่นวาย ถ่ายกันเพลิน ๆ ยิ่งถ้าไปวันธรรมดา ที่เที่ยวคนไม่เยอะ แน่นอน

เขาคูหา สงขลา

      ที่เที่ยวแบบธรรมชาติสุดๆก็ต้อง ทะเลหมอก  ที่ เขาคูหา จังหวัดสงขลา ห่างจากตัวหาดใหญ่แค่ 30 กิโลเมตร ความโดดเด่นของที่นี่ก็คงไม่พ้น ภาพของร่องภูเขา ที่รายล้อมไปด้วยต้นสน ถ่ายรูปออกมาแล้ว ได้ฟิลเมืองนอกเบา ๆ แถมยังเป็น ที่เที่ยวคนไม่เยอะ อากาศดี วิวสวย แนะนำให้มาถึงในช่วงเช้า เพื่อจะได้ชมทะเลหมอกกันแบบ 360 องศา แค่หลับตานึกภาพก็ฟินสุด ๆ

สวนยาหลวง น่าน

      มาต่อกันที่จังหวัดน่าน กับ ที่เที่ยวธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ชอบความเงียบ สงบ แต่ต้องสวยอย่าง สวนยาหลวง นี่คือตอบโจทย์ที่สุด เพราะเป็นที่เที่ยวเหมาะสำหรับนักผจญภัย สายลุย เพราะในการเดินทางไปยังสวนยาหลวงนั้น ต้องต้องใช้รถ 4WD พาขึ้นไปเท่านั้นค่ะ ด้วยถนนลูกรัง ค่อนข้างชัน และคดเคี้ยวไปมา

แต่เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนก็ต้องบอกเลยว่า คุ้มค่าจริงๆ เพราะ ภาพที่เราจะได้เห็น และสัมผัสด้วยตาตัวเองก็คือ ทุ่งหญ้าสีเขียว ที่มีทิวเขาล้อมรอบ และสันเขาที่เรียงตัวทอดยาว ๆ ที่นี่สามารถกางเต็นท์ หรือนอนโฮมสเตย์ของชาวบ้านท่ามกลางไร่กาแฟก็ได้ความฟินไปอีกแบบ

ปราสาทหินพันยอด สตูล

      มันมีจริงนะ ปราสาทหิน กลางทะเลของเมืองไทย ปราสาทหินพันยอด สตูล ที่มีอายุมากกว่าล้านปี ตั้งอยู่ที่ บ้านบ่อเจ็ดลูก ในเขต อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา โดยความสวยงามตามธรรมชาติอันน่าประทับใจนี้ เกิดจากการยกตัวของเปลือกโลก และการกัดเซาะของธรรมชาติ ทำให้หินมีรูปร่างแปลกตา รวมถึงยังมีร่องรอยฟอสซิลต่าง ๆ เช่น แมงดาทะเล ปลาหมึกโบราณ และหอยงวงช้าง อีกด้วย

ทะเลน้อย พัทลุง

      ลงใต้กันทั้งที่ ไม่มาที่นี่ถือว่าพลาด!! ทะเลน้อย เป็นทะเลสาบน้ำจืด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลนางตุง และ ตำบลทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง ที่นี่จะมี คลองนางเรียม ซึ่งยาว 2 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างทะเลน้อยกับทะเลสาบสงขลา ที่นี่ได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า อุทยานนกน้ำทะเลน้อย ซึ่งนับเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทยอีกด้วย

และที่บอกว่าพลาดไม่ได้ ก็คือ การลงเรือพายเที่ยวชมบัวแดงในทะเลสาบ ที่มีนกน้ำกว่า 200 ชนิด ซึ่งจะมีนกมากที่สุดในช่วงเดือน มกราคม-เมษายน เป็นแสนๆ ตัวที่เดียว และสิ่งที่หลายคนตั้งใจมาดูก็คือ ควายน้ำ ซึ่งจะอยู่ตามธรรมชาติ ควายที่นี่จะดำน้ำลงไปกินหญ้าที่จมอยู่ใต้น้ำได้ ว้าวไหมละคะ

ล่องแพไม้ไผ่ วังเคียงคู่ พังงา

      มาลองสัมผัสธรรมชาติล่องแพไปเที่ยวแบบส่วนตัว ท่ามกลางสายน้ำไหลเย็น บรรยากาศร่มรื่นสุดๆ ที่นี่เป็นสถานที่แนะนำ ที่คนไม่เยอะ ค่อนข้างเงียบสงบ อีกแห่งหนึ่งในพังงา เพราะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก

สำหรับแพไม้ไผ่นั้น ลำนึงสามารถนั่งได้ 2 คน ราคาประมาณ 500 บาท จะมีชาวบ้านมาพายให้เราได้ชมธรรมชาติไป ถ่ายรูปสวย ๆ รับรองว่าฟินกันแน่นอน

ดอยแม่ตะมาน์ สันป่าเกี๊ยะ เชียงใหม่

      ไปเที่ยวเชียงใหม่ ปีนี้ มารับลมหนาวกันที่ ดอยแม่ตะมาน สันป่าเกี๊ยะ  ตั้งอยู่ใน หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน อำเภอเชียงดาว ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่ใช้สำหรับทดลองโครงการพัฒนาที่สูง ไทย-ออสเตรเลีย มีแปลงทดลองปลูกพืช และผลไม้เมืองหนาว มากมายหลายชนิด

และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ในช่วงต้นเดือนมกราคมไปจนถึงกลางเดือน จะมี ดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่จะผลิบานออกดอกสวย ๆ แนะนำให้จัดทริปกางเต็นท์ รับรองไม่อยากกลับบ้านกันเลย แต่ถ้าใครไม่สะดวก ที่นี่ก็บ้านพักไว้บริการนะคะ

และที่สำคัญนะคะ เดินทางไปเที่ยวในช่วงเข้าหน้าหนาวแบบนี้ อุ่นใจ สบายท้อง ได้ด้วยน้ำจินเจน ที่สามารถพกติดตัวไปเที่ยวได้ทุกที่เลยนะคะ แค่ฮีกซอง เทน้ำร้อนใส่ ก็ดื่มได้ทุกที่ ช่วยแก้เมารถเราเรือ เพิ่มความอบอุ่นในร่ายกาย แถมช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานในร่างกายได้อีกด้วยนะคะ

#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

สั่งสินค้าออนไลน์ได้ทาง https://shop.gingen.com

“น้ำขิงอุ่นๆ” แก้ปวดไมเกรนได้

ขิง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber officinale Roscoe. จัดอยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE ขิงมีฤทธิ์อุ่น ช่วยขับเหงื่อ ไล่ความเย็น ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยให้เจริญอาหาร และทำให้ร่างกายอบอุ่น ในทางยานิยมใช้ขิงแก่ เพราะขิงยิ่งแก่จะยิ่งเผ็ดร้อนและมีใยอาหารมาก ขิงนอกจากจะเป็นพืชสมุนไพรที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม วิตามินเอ และอีกมากมายแล้ว ยังมีการศึกษาวิจัยล่าสุดในต่างประเทศ ทำการศึกษาวิจัยในการใช้ขิงรักษาอาการปวดไมเกรนอีกด้วย

โดยทำการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยไมเกรน 100 ราย ในแผนกประสาทวิทยา ของโรงพยาบาลในประเทศอิหร่าน ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มมีระยะการเป็นไมเกรนมาประมาณ 7 ปี มีอาการปวดมากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน เปรียบเทียบระหว่างการให้แคปซูลขิง 250 มิลลิกรัม กับยาแผนปัจจุบันชื่อ “ซูมาทริปแทน” ขนาด 50 มิลลิกรัม เมื่อมีอาการปวดไมเกรน ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่รับประทานขิง อาการปวดไมเกรนลดลงดีเทียบเท่ากับกลุ่มที่รับประทานยาแก้ปวดแผนปัจจุบัน คือ สามารถลดอาการปวดไมเกรนได้ถึง 60% ภายในเวลา 2 ชั่วโมงหลังรับประทานยา และพบว่าแคปซูลขิง มีข้อดีที่เหนือกว่ายาแผนปัจจุบัน คือ ไม่พบอาการข้างเคียงจากการรับประทานยา ในขณะที่ยาซูมาทริปแทน มักทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ ง่วงนอน อาการแสบร้อนที่หน้าอก (Heartburn) 

การที่ขิงสามารถบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้นั้น น่าจะมาจากการที่ขิงมีฤทธิ์ในการลดกระบวนการอักเสบ ลดอาการปวดในร่างกาย ลดการสร้างสารพรอสตาแกลนดิน (prostiglandins) ที่ทำให้ปวดและอักเสบ ซึ่งยังมีข้อมูลในการใช้ขิงในการบรรเทาอาการปวดข้อมาก่อนหน้านี้ อีกทั้ง ขิงยังมีสรรพคุณในการแก้คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ซึ่งอาการดังกล่าวมักพบว่าเป็นอาการนำก่อนที่จะมีอาการปวดไมเกรน จึงถือได้ว่าขิงเป็นสมุนไพรอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยไมเกรน และหากใครชื่นชอบการดื่มน้ำขิงอยู่แล้ว ก็สามารถจิบน้ำขิงอุ่นๆ เวลาปวดไมเกรนได้เช่นกันค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก: คมชัดลึก

ภาพจาก: Canva

#ด้วยความห่วงใย

#ขิงผงสำเร็จรูป #จินเจน

#ดื่มน้ำขิงดื่มจินเจน

ช้อปจินเจนออนไลน์ได้ที่ shop.gingen.com